ละ วจี ทุจริต ควรจะเข้าใจอะไรก่อน.

 
พุทธรักษา
วันที่  30 พ.ค. 2552
หมายเลข  12528
อ่าน  1,110

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรมที่เขาเต่า ๑ - ๔ สิงหาคม ๒๕๓๗

ท่านอาจารย์ ควรเข้าใจ ว่า "ตัวธรรมจริงๆ " เป็น นามธรรม และ รูปธรรม เสียก่อน
หลังจากนั้นก็ควรเข้าใจ ว่าเป็น กุศลจิต หรือ เป็น อกุศลจิต.ใช่ไหมคะ

เมื่อ "จิต" หลังจากที่อกุศลวิบากดับไปแล้วเกิด เป็น อกุศลจิต แล้ว ต่อไปถ้ามีการ "ล่วง" ออกมาทางกาย วาจา "สติ" ก็สามารถที่จะระลึกได้

คำว่า "กรรม" ทางกาย ทางวาจา จึงหมายความว่า กายกรรม วจีกรรมที่มี กุศลจิต หรือ มีอกุศลจิตเป็น "เหตุ"

ตัวอย่าง เช่น ถ้าเราโกรธ แต่ เราเฉยๆ กับความโกรธแล้ว เข้าใจ ว่ามี "ปัจจัย" ที่ทำให้เกิด การพูดถ้อยคำต่างๆ ออกไปนี่คือ "วจีกรรม" (ถ้าเป็นการกล่าววาจาที่ไม่ดี จากอกุศลจิต เช่น ความโกรธเป็นเหตุ) ซึ่งอยู่ในขั้นที่ทำให้ผู้อื่น เดือดร้อน ด้วย "ขณะนั้น" มี (อกุศล) เจตนาด้วย

เพราะฉะนั้น ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ในพระวินัย จึงต้องละเอียดมาก เช่น ขณะพระภิกษุเอื้อมมือไป แต่ยังไม่ถึง เพราะว่า "สติ" เกิดเสียก่อนอย่างนี้ ก็ยังไม่ผิดพระวินัยเพราะว่า ยังไม่ได้ไปหยิบ เพียงแต่เอื้อมไป

ทีนี้ถ้ามีการพิจารณาตามนี้ ถ้าเป็นผู้ที่ "มีปกติเจริญสติปัฏฐาน"

"สติ" ก็สามารถที่จะ "ระลึก" ได้ขณะไหน ก็ได้

แล้วที่สำคัญ คือ เข้าใจด้วยว่าระดับขั้นของอกุศลจิต ขณะนั้น ระดับไหน เช่น เมื่อมีการพลั้งกล่าววาจา ที่ล่วงอกุศลกรรมทางวาจา คือ วจีทุจริต แล้วแต่ "สติ" เกิดเป็น "ปัจจัย" ทำให้เกิด "การหยุด" (วิรัติ) งดเว้น ที่จะกล่าววาจาที่เป็นปัจจัย ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน โดยที่ไม่กล่าวจนจบประโยค ก็ยังได้ ถ้า "สติ" เกิด

นี่คือ การศึกษาจาก "สภาวะ" หรือ "ตัวจริงๆ ของธรรม" เพื่อให้ "เข้าใจตัวธรรมจริงๆ "
ไม่ใช่เรียนเพื่อที่จะรู้ว่า ชื่อว่า วจีกรรม คือ อย่างนี้ จะครบองค์ต้องอย่างนี้ ฯลฯ เสมือนเรียนจากข้างนอก มาหาข้างในแต่ ปรากฏว่า ข้างในน่ะ ไม่รู้อะไรเลย

เพราะฉะนั้นควรจะ "เข้าใจ" นามธรรม และ รูปธรรม ก่อนแล้วจึง "เข้าใจ" สภาพจิตที่มี "ลักษณะ" เป็นอกุศล หรือ เป็นกุศล อย่างเช่น ขณะที่ "โลภะ" เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นขณะไหน เช่น ขณะที่กำลังหวีผม แต่งตัว ดูกระจก (เป็นต้น) ก็ รู้ ว่า มีการขยับเขยื้อนร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกายขณะนั้น ไม่ใช่ทุจริตกรรม เพราะว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจ "ตัวธรรม" จริงๆ คือ "เข้าใจจริงๆ " ว่าเป็นเพราะ "อกุศลจิต" เป็น "ปัจจัย" ทำให้เกิด "ทุจริตกรรม" อย่างนี้ และ "ทุจริตกรรม" เป็น "ปัจจัย" ทำให้ ผู้อื่นเดือดร้อนอย่างนี้ ต่อไปก็มีความระมัดระวังมากขึ้น

(ขอขอบพระคุณ ท่าน...ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพค่ะ)

.ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 31 พ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aiatien
วันที่ 31 พ.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ