ท่านผู้ฟังถามว่า อะไร...ทำให้ไม่กลัว?

 
พุทธรักษา
วันที่  5 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12582
อ่าน  888

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนธนาธรรม ที่เขาเต่า ๑-๔ สิงหาคม ๒๕๓๗

ท่านผู้ฟัง อะไร ทำให้ไม่กลัว

ท่านอาจารย์ "สติปัฏฐาน" อะไรอื่น ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ ละ "ความเป็นตัวตน" ได้ จะให้ทาน หรือ รักษาศีล มากสักเท่าไรก็ ละ "ความเป็นตัวตน" ไม่ได้ ถ้า "เข้าใจ" เรื่อง ของ กรรมนี่คือ "หนทาง" ที่จะช่วยได้คือ "สะสมเหตุปัจจัย" ที่ทำให้เกิด "ปัญญา" และ ถ้าจะช่วยใคร จริงๆ ก็คือ ช่วยให้เขาเกิด "ปัญญา" มิฉะนั้นเขาก็มี "อกุศลกรรม" ไปเรื่อยๆ "หนทางเดียว" คือ ช่วยให้เขาเกิด "ปัญญา" อย่างอื่น ช่วยไม่ได้เลย ช่วยอย่างไร ก็ ไม่จบ เพราะ ตราบใด ที่เขายังมี "อกุศลกรรม" เขาก็มี "เหตุ" ที่จะ "ต้องเกิด" จะเกิดเป็นอะไรก็ไม่มีใครรู้ได้ ดีที่สุด คือ ความเข้าใจ ที่ว่ามี การเกิด มาแล้ว แสนโกฏิกัปป์และ ในแสนโกฏิกัปป์ นั้น ก็ เกิด เป็นอะไรๆ ได้ทุกอย่าง

บางท่าน ... ขอให้เทวดาช่วย แต่ควรทราบว่าแม้ เทวดาจะมา ก็เพราะมี "เหตุ" ท่านจะมา ก็เป็นเรื่องของท่านท่านมา ก็มาอนุโมทนาในความดีและ ไม่ใช่เรื่องอะไร ของเราเลย ข้อสำคัญ คือเทวดา ท่านมาเพื่อจุดประสงค์อะไร ท่านมีกิจ มีภาระอะไร ที่ต้องมา เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคฯ ยังไม่ดับขันธปรินิพพาน เทวดาท่านก็มาเฝ้าพระองค์ เพื่อ ทูลถามปัญหา เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา คือ เจริญกุศลทุกประการโดย ไม่ต้องสนใจ ว่าเทวดาท่านจะทำอย่างไร และที่สำคัญต้องไม่ "หลงติด" ตาม "ความคิด" เพราะว่า ส่วนใหญ่เรา รัก ตัวเอง และ เรา ต้องการ ผูกพัน กับ สิ่งที่ ตัวเรา คิดว่า ดี เช่น เรา เป็นลูก ของคนนั้น เรา เป็นหลาน ของคนนี้

แต่ข้อสำคัญที่สุด คือต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ไม่ใช่ "ตัวเรา" และใครจะบอกได้อย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น คำพูดของใคร ก็ไม่สำคัญ ไม่มีความหมาย ถ้าคำพูดนั้น ทำให้ "หลง" ... "ทำให้ "ติด" ต้องเป็น "ปัญญา" เท่านั้นจึงจะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตนแม้ มีความกลัว ก็ไม่ใช่ตัวตน ที่กลัว แต่เป็น "จิต" ที่เกิดขึ้น ขณะสั้นนิดเดียว แล้วก็ดับไปๆ ๆ


ตราบใดที่ "ปัญญา" ยังไม่ถึงขั้น ที่เป็น "สติปัฏฐาน" ความ รัก ตัว ก็จะแสดงออกมา ทุกรูปแบบ เช่น ติด ใน ลาภติด ใน ยศติด ใน สรรเสริญติด ใน สุข เพราะฉะนั้น "สติ" จึงต้อง ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของส่งที่กำลังปรากฏขณะนั้น ก็สบาย ไร้กังวล เพราะมี "เกาะ" อยู่ตรงนี้ "เกาะ" คือ "สติปัฏฐาน"เมื่อมี "เกาะ" แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ความคิดที่เกิดขึ้น ด้วยความกังวล หรือ ไม่กังวล

"สติ"ก็สามารถที่จะ ระลึก ตรง "ลักษณะ" ดังกล่าวนั้น ได้ตามปกติ ตามความเป็นจริง แม้ "สติ" จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดง่ายแต่ "ความเข้าใจ" สภาพธรรม ตามความเป็นจริงเป็น "ปัจจัย" ที่ทำให้ "สติ" เกิดได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องศึกษาเรื่องของธรรมะ คือ ปริยัติเพื่อ "ความเข้าใจ" ในสภาพธรรม คือ ปรมัตถธรรมหรือ สิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏ.ขณะนี้


ขออนุโมทนา ท่าน ... ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพ ค่ะ

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ajarnkruo
วันที่ 6 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sam
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาและวิริยะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
h_peijen
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 8 มิ.ย. 2552

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม ...

ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
aiatien
วันที่ 8 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
opanayigo
วันที่ 8 มิ.ย. 2552

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ