ความลึกซึ้งของ....การไม่ทำบาป
สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ
วันอาทิตย์ที่ ๙ ก.พ. ๒๕๕๒
อร ที่ ... กล่าวว่า โอวาทปาติโมกข์นี้ลึกซึ้ง ก็จะเรียนขอให้ท่านอาจารย์ขยายความว่า ในพุทธศาสนิกชน จริงๆ แล้ว ตัวพยัญชนะ ก็ไม่มากมายอะไร โอวาทปาติโมกข์ ก็คือละชั่ว กระทำความดีและทำจิตให้ขาวรอบ
แต่เนื่องจากพระธรรมนี้ลึกซึ้งทั้งนั้น ที่นี้พุทธศาสนิกชนทั่วไป จะไม่ทราบถึงความลึกซึ้งของคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในโอกาสนี้ก็จะเรียนรบกวนให้ท่านอาจารย์ขยายความว่า ในฐานะพุทธศาสนิกชน จะได้สามารถรู้ได้ลึกซึ้งในพระธรรมที่ทรงแสดงได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ ถ้า ... เพียงได้ยินว่า "ไม่ทำบาป" ลึกซึ้งไหม ใครก็พูดได้ แต่รู้ไหมว่า ขณะที่ไม่ทำบาป ความจริงขณะนั้น คืออะไร
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมจริงที่มีอยู่ตามปกติในชีวิตประจำวัน ให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูกว่าขณะนั้นๆ เป็นอะไร ไม่เพียงแต่ว่า ไม่ทำบาป ธรรมดาใครๆ ก็พูดได้ "ไม่ทำบาป" ความลึกซึ้งอยู่ที่ขณะนั้น ไม่ทำบาป เป็นอะไร หรือแม้ขณะนี้ ขณะที่กำลังฟังธรรมนี้ ขณะนี้เป็นอะไร ทรงแสดงความจริงในชีวิตประจำวัน
เพราะฉะนั้น ธรรมมีอยู่ในชีวิตประจำวัน หรือจะกล่าวว่า ชีวิตประจำวันทั้งหมดเป็นธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้น ตั้งแต่เช้ามานี้ ก็ธรรมทั้งหมด หลากหลาย ทางตาเห็น ทางหูได้ยิน ... ทั้งหมดเป็นธรรม
เพราะฉะนั้น การที่จะเข้าใจในขณะที่ไม่ทำบาป แม้ในขณะนี้ หรือขณะไหนก็ตาม ที่จะรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเข้าใจคำสอนของพระองค์ว่า ธรรมทั้งหมดเป็นอนัตตาหมายความว่า ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ขณะนี้เกิดแล้วเป็นธรรม แต่ไม่รู้จักธรรม
เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ก็คือว่า ขณะนี้เว้นบาปหรือเปล่า เห็นไหมทุกขณะนี้เป็นธรรมทั้งหมด ขณะใดก็ตามที่ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่าอกุศลทั้งหลายเกิดขึ้น ขณะนั้นไม่ใช่ขณะที่เป็นบาป อกุศลก็ไม่ได้กระทำบาปด้วย แต่เป็นอะไร ถ้ายังคงเป็นเราอยู่ ก็หมายความว่า คนนั้น ยังไม่ได้ยิน ยังไม่ได้ฟัง คำสอนจริงๆ ของพระผู้มีพระภาค เพราะว่าถ้าเป็นคำสอนจริงๆ
ทรงแสดงให้เริ่มเข้าใจ สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ตั้งแต่คำว่า "ธรรม" ไม่ใช่เผินๆ แล้วก็คิดว่า พอได้ยินทุกคนก็เข้าใจ มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักธรรม ความจริงพูดอย่างนี้ คนนั้นรู้จักธรรมจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเพียงแต่ได้ยินธรรม ก็คิดเอง อย่างท่านผู้หนึ่ง ท่านก็บอกว่า ก่อนฟังธรรม ท่านเข้าใจว่า ธรรมคือ กุศลอย่างเดียว ไม่คิดเลยว่าอกุศลก็เป็นธรรมด้วย
แต่ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งใดที่มีจริง ปรากฏให้รู้ให้เข้าใจได้ แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ปรากฏ ยังไม่เกิดขึ้น ไม่สามารถจะทำให้เข้าใจได้ หรือว่าสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น แม้แต่เพียงข้อความที่ว่า ไม่ทำบาปทั้งสิ้น แต่ว่าจะต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งกว่านั้น เพราะเป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรมก่อน
เพราะฉะนั้น ขณะที่กำลัง ไม่ทำบาป ก็เป็นธรรม ขณะที่ทำบาปก็เป็นธรรม ทุกอย่างในชีวิตเป็นธรรมทั้งหมด
นี่คือ เริ่มที่จะรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าทรงแสดงให้บุคคลที่ไม่เคยรู้เลย ว่าธรรมคืออะไรและอยู่ที่ไหน ได้เริ่มมีความเข้าใจ แล้วก็ไม่ต้องคอยว่า เมื่อไรจะตั้งต้นที่ไหน
เดี๋ยวนี้เป็นธรรม
ฟังสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เริ่มเข้าใจในความเป็นอนัตตาเมื่อไร ขณะนั้น ก็เริ่มเข้าใจความหมายของ ธรรม ลึกซึ้ง
กราบอนุโมทนาค่ะ และอยากรู้ความหมายที่แท้จริงของอนัตตาด้วยค่ะ
จากหัวข้อที่ อ. ประเชิญ กรุณาชี้แนะ
ชื่อว่า เป็นอนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ
โดยความเป็นของสูญ ๑
โดยความไม่มีเจ้าของ ๑
โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑
โดยปฏิเสธต่ออัตตา ๑
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเตือนใจจากท่านอาจารย์สุจิต์ บริหารวนเขตต์ "ธรรมทั้งหมด เป็นอนัตตา แต่ไม่อิสระ ขึ้นกับเหตุปัจจัย"
ขอนุโมทนาค่ะ
"เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ฟังสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เริ่มเข้าใจในความเป็นอนัตตาเมื่อไร ขณะนั้น ก็เริ่มเข้าใจ ความหมายของ ธรรม ลึกซึ้งไหมคะ"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ