ชีวิต

 
พุทธรักษา
วันที่  12 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12639
อ่าน  854

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนธนาธรรม ที่เขาเต่า ๑-๔ สิงหาคม ๒๕๓๗

ท่านอาจารย์ "รูปธรรม" กำลังเกิดแต่ เรา ไม่รู้ เมื่อ "จิต" เป็น "สภาพรู้" ก็ ต้อง มี "สิ่งที่ถูกรู้" .. "สิ่งที่ถูกรู้"เป็นอะไร ก็ได้ "จิต" เป็น สภาพที่รู้แจ้ง แจ่มชัด ในอารมณ์เช่น "เสียง ที่ปรากฏ" ... "แข็ง ที่ปรากฏ" ... "เย็น ที่ปรากฏ" (เป็นต้น) สิ่งใด ที่ "จิต" รู้สิ่งนั้น เป็น "อารมณ์ของจิต" ทิ้งความหมาย ในคำว่า อารมณ์ ในภาษาไทย

ท่านผู้ฟัง หวาน ดี

ท่านอาจารย์ กล่าวถึง "สิ่งที่จิตรู้" ก่อนค่ะยังไม่กล่าวถึง "วิบากจิต" อะไรก็แล้วแต่ ที่ปรากฏนั่น คือ "สิ่งที่จิตรู้" เมื่อ จิตรู้ สิ่งนั้น จึงปรากฏได้

ท่านผู้ฟัง อันที่จริง ใครๆ ก็รู้ ว่า "จิตรู้"

ท่านอาจารย์ แต่ "เป็นเรา" ที่ รู้ ซึ่ง ตามความเป็นจริงแล้ว "เป็นจิต" "เรา" ยึดถือ ว่า "จิต" ว่า "เป็นเรา" ขณะที่ "จิตได้ยิน" เกิดขึ้น ได้ยิน แล้ว ก็ดับ เสมือน "เรา" ได้ยิน แต่จริงๆ แล้ว "เป็นจิต" ที่ได้ยินไม่ใช่ "เรา" ที่ได้ยิน "ชีวิต" เป็น "จิต" ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิด จนตาย "ชีวิต" ดำรงอยู่ เพียง "ขณะจิต" ที่ สั้นแสนสั้น "ชีวิต" คือ "จิตแต่ละขณะๆ " เกิด แล้ว ดับ เกิด แล้ว ดับๆ ๆ ๆ นี่คือ "ชีวิต" ที่ดำรงอยู่


"ขออนุโมทนา ท่าน ... ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพ ค่ะ"

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 12 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
h_peijen
วันที่ 13 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 13 มิ.ย. 2552

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔-หน้าที่ 273

ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายน้อยนิดหน่อย รวดเร็ว มีทุกข์ มาก มีความคับแค้นมาก จะพึงถูกต้องได้ด้วยปัญญา ควรกระทำ กุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ เพราะสัตว์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ไม่มี ดูก่อนพราหมณ์ หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า เมื่ออาทิตย์ขึ้นมา ย่อมแห้งหายไปได้เร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน แม้ฉันใด ชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนหยาดน้ำค้างฉันนั้นเหมือนกัน นิดหน่อย รวดเร็ว ทุกข์ยาก มีความคับแค้นมาก จะพึงถูกต้องได้ด้วยปัญญา ควร กระทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ เพราะสัตว์ที่เกิดแล้วจะ ไม่ตายไม่มี

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปริศนา
วันที่ 13 มิ.ย. 2552


 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 13 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 14 มิ.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 14 มิ.ย. 2552

ชีวิตของปุถุชน เป็นชีวิตที่มืดเพราะไม่รู้ความจริงของชีวิตมืดเพราะหลงลืมสติ ไม่สามารถที่จะระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแม้ผู้ที่ตรัสรู้จะทรงแสดงว่า ชีวิตทั้งชีวิตก็มีแต่เพียงนามธรรม / รูปธรรม

แต่ผู้ที่เต็มไปด้วยอวิชชาและอกุศลทั้งหลาย ก็มืด .. มืดเพราะไม่รู้มืดเพราะติดข้อง ... มืดเพราะเห็นผิด ... มืดเพราะเป็นไปกับอกุศลเป็นส่วนมาก ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปริศนา
วันที่ 23 มิ.ย. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12639 ความคิดเห็นที่ 7 โดย ajarnkruo ชีวิตของปุถุชน เป็นชีวิตที่มืดเพราะไม่รู้ความจริงของชีวิตมืดเพราะหลงลืมสติ ไม่สามารถที่จะระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแม้ผู้ที่ตรัสรู้จะทรงแสดงว่า ... ชีวิตทั้งชีวิตก็มีแต่เพียงนามธรรม / รูปธรรม

แต่ผู้ที่เต็มไปด้วยอวิชชาและอกุศลทั้งหลาย ... ก็มืด ... มืดเพราะไม่รู้มืดเพราะติดข้อง ... มืดเพราะเห็นผิด ... มืดเพราะเป็นไปกับอกุศลเป็นส่วนมากครับ

ขออนุโมทนาครับ


ชีวิตของปุถุชน เป็นชีวิตที่มืด เพราะ ไม่รู้ความจริงของชีวิต ท่านผู้รู้ ท่าน ว่า

กิเลส คือ หลับ

ปัญญา คือ ตื่น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Sam
วันที่ 24 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ