ให้ รู้ ลักษณะ...?

 
พุทธรักษา
วันที่  13 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12651
อ่าน  913

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรม ที่เขาเต่า ๑-๔ สิงหาคม ๒๕๓๗

ท่านอาจารย์ "จิต" กำลังทำหน้าที่ อยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ "ลักษณะของจิต" กำลังมี และ มีคำ ที่ใช้เรียก แต่ ยังไม่รู้ "ลักษณะของจิต" ให้ รู้ ลักษณะ หมายความว่า "สติ" ระลึก ตามปกติแล้ว "เข้าใจ" ใน "ลักษณะ" นั้นว่า เป็น "สภาพรู้" ให้ เข้าใจ ว่า "สติ" ระลึก ตามปกติ ขณะใด "มีสติ"ขณะใด "หลงลืมสติ" ขณะใด"สติเกิด"ขณะใด "สติไม่เกิด" ขณะนั้น ไม่ใช่ ขณะ ที่ "เรา" พยายามที่จะดู อาการรู้ ลักษณะรู้ ... รู้ยาก เพราะว่า มองไม่เห็น.!และ เกิดขึ้นชั่วขณะสั้นแสนสั้น แล้วก็ดับ แต่ "จิต" เป็น "ธาตุชนิดหนึ่ง" ซึ่งไม่ใช่ รูปธรรม และ "ธาตุรู้" ... "อาการรู้" นี้ก็ไม่ใช่ของใคร เมื่อเกิดขึ้น ก็ ทำกิจของตน เช่น เกิดขึ้น ทำกิจเห็น เกิดขึ้น ทำกิจได้ยิน ฯลฯ เมื่อ "ธาตุรู้" เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น เพื่อ "รู้อารมณ์ที่ปรากฏ"

เมื่อมีการการอบรมเจริญสติปัฏฐาน บ่อยๆ จนชินขึ้นๆ "ความเข้าใจ" ใน "ลักษณะ" ของสภาพธรรม ตามความเป็นจริงจะค่อยๆ แยก จาก "ชีวิตวันหนึ่ง" จนกระทั่ง เป็น "ชีวิตเพียงขณะหนึ่ง"ที่มีความต่างกัน เช่น ขณะที่ได้ยิน ก็เป็นเพียงขณะหนึ่งต่างกับขณะที่กำลงรู้แข็ง เป็นต้น.และแตกต่างกัน โดยเป็น "จิตแต่ละชนิด" แตกต่างกัน โดย มี "การเกิด" ที่ต่างขณะกันเกิดขึ้น และดับไป ทีละขณะๆ

แต่ เป็นเพราะ "ความไม่รู้" จึงเห็นสภาพธรรม ติดกันแน่น "ไม่ปรากฏสภาพของความแยกขาดจากกัน" เป็น สังสารวัฏฏ์เป็น ตัวเรา เป็นตัวเขา "ลักษณะที่เกิดแล้วดับ" เช่น ในขณะที่กำลังได้ยินเกิดขึ้น แล้วก็ดับ เพราะว่า "เสียง" ไม่ได้เกิด ตลอดไปมีอ่อน หรือ แข็ง กระทบ หมายความว่า "แข็ง" ต้องเกิดแล้ว "จิต" ก็ต้องเกิดขึ้น รู้ "แข็ง"นั้นแล้วก็ต้องดับไป (เป็นต้น)

การรู้ลักษณะ ที่แตกต่างกันของสภาพธรรมต่างๆ จนกระทั่ง "รู้" ความเกิดดับ ของสภาพธรรม นั้น ต้อง ค่อยๆ "เข้าใจ" มากขึ้นๆ จนเข้าใกล้ "ความเป็นจริงของสภาพธรรม" มากขึ้นๆ นี่ คือ "สติ" เริ่ม ระลึก เริ่ม "เข้าใจ" ใน "ลักษณะ" ของ สิ่งที่กำลังปรากฏ ต้อง เป็น "ปัญญา" ที่ รู้ "สติ" ระลึก ตามปกติไม่ผิดปกติ ไปจากขณะนี้เลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ฟังพระธรรม ฟังไป ระลึกไปเมื่อ "ความเข้าใจ" เกิด "สติ ก็ ระลึกไป อบรมไป จนกระทั่ง ละ ... ละ เมื่อไร ประจักษ์ความจริง เมื่อนั้น เพราะฉะนั้นทุกอย่าง ต้องมาจาก "ความเห็นถูก" คือ "ความเข้าใจถูก" ถ้า "ไม่เข้าใจ" อย่างนี้"หนทาง" ที่จะรู้อย่างนี้ ก็มีไม่ได้

ขออนุโมทนา ท่าน ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพ ค่ะ

ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 14 มิ.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 มิ.ย. 2552
กราบอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 14 มิ.ย. 2552

สำคัญที่ความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกว่าจะมั่นคงจริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นธรรมะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
hadezz
วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 15 มิ.ย. 2552

เพราะฉะนั้นผู้ที่ฟังพระธรรม ... ฟังไป ระลึกไปเมื่อ "ความเข้าใจ" เกิด ... "สติ ก็ ระลึกไป อบรมไป จนกระทั่ง ละ ... ละ เมื่อไร ประจักษ์ความจริง ... เมื่อนั้น.!

ขออนุโมทนาอีกครั้งครับผม

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Sam
วันที่ 25 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ