ท่านจะบูชา...พระรัตนตรัย...ด้วยอะไร
สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ วันมาฆบูชา วันจันทร์ที่ ๙ ก.พ. ๒๕๕๒
อ.อรรณพ มาฆบูชา การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๓ ซึ่งเราก็รู้ ในวันนี้เกิดเหตุการณ์ใดๆ บ้าง แต่ก็น่าคิด ที่ว่าบูชาอย่างในวันนี้ ก็เป็นวันบูชา ที่ควรแก่การบูชา
การบูชา คืออะไร และอย่างไรจึงจะเป็นการบูชา ซึ่งถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็คงไม่สามารถจะทำกิจบูชาได้เลย ก็เพียงแต่คิดไป ก็มีกุศลนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งการบูชานี้ ทรงแสดงไว้ ๒ คือ อามิสบูชา ๑ ธรรมบูชา หรือ ปฏิบัติบูชา ๑ ซึ่งการบูชานี้ พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงไว้ว่า จิต เป็นเครื่องบูชา จิตซึ่งรวมถึงเจตสิกด้วย แต่ถ้าเป็นอกุศลจิต ไม่ใช่การบูชา ต้องเป็นจิตที่ผ่องใส เป็นกุศลจิต ที่ประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายดี ที่จะปรุงแต่งในขณะนี้ มีขณะจิตที่บูชาบ้างไหมครับ ที่เป็นการบูชาที่แสดงว่าจิตเป็นที่บูชา หรือเครื่องบูชา เพราะว่าขณะนั้น จิตผ่องใสเป็นกุศล ด้วยมีโสภณเจตสิกต่างๆ มีสติ สัทธา หิริ โอตตัปปะ มีปัญญาด้วยก็ได้ ปรุงแต่งให้จิตขณะนั้น มีความอ่อนน้อม ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยด้วยความที่เป็นผู้เข้าใจพระธรรม จะเป็นอามิสบูชาบ้าง
ท่านก็คงเห็นดอกไม้ เครื่องบูชา ซึ่งเป็น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ซึ่งย่อยลงไปแล้ว ก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อย่างเทวดาท่านก็บูชาพระจุฬามณีด้วยการบรรเลงดนตรี ก็ไม่พ้นรูป เสียง ... โผฏฐัพพะ แต่นี้เป็นอามิสบูชา แต่จิตของผู้บูชา จึงจะเป็นการบูชา ไม่ใช่สิ่งของ รูปไม่ได้รู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด
เพราะฉะนั้น ดอกไม้ที่วิจิตรสวยงามทั้งหลาย ซึ่งเป็นอามิสบูชา ที่บูชาในวันนี้ ก็เพราะกุศลจิต ซึ่งนอบน้อมในพระรัตนตรัย จึงมีการบูชาและรู้ถึงความสำคัญในอดีต เตือนให้ระลึกถึงว่า วันเพ็ญเดือน ๓ มีเหตุการณ์ในทางพุทธศาสนาอะไรบ้าง จึงน้อมไปในการที่จะบูชา ด้วยอามิสบ้างและเมื่อมีการเข้าใจธรรม มีการสนทนาธรรม ขณะนี้กำลังสนทนาธรรมอยู่ ขณะนั้นจิตนั้นเป็นธรรมบูชา หรือปฏิบัติบูชา และโอวาทปาติโมกข์ ที่ทรงแสดงนี้ เพื่ออะไร เพื่อผู้ที่ยังตกอยู่ในโลก
เมื่อสักครู่ ท่านอาจารย์ ก็แสดงเรื่องโลก ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป แล้วก็ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ด้วยอกุศลเป็นส่วนใหญ่ด้วย ก็เป็นศัพท์ที่ท่านแสดงว่า ปาติ ที่แปลว่า ตกไป อกุศลทางตา หู ... กาย ใจ ถึงขั้นทำทุจริตกรรมบถ ก็เป็นปัจจัยให้ตกไป ปาติ คือตกไปในอบายภูมิ หรือถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรม ตามความเป็นจริง ก็ตกอยู่ในภพน้อยบ้าง ภพใหญ่บ้าง ถ้ากุศลกรรมให้ผล ก็เกิดในสุคติภูมิ อกุศลธรรมให้ผล ก็เกิดในทุคติภูมิ และขณะนี้ก็ตกไปในตา หู ... กาย ใจ คือไปในอายตนะภายในและอายตนะภายนอก
เพราะฉะนั้น โอวาทปาติโมกข์ ก็คือ คำสอน ที่เป็นไปด้วยการที่จะทำให้พ้นจากการตกไปในอบายหรือในสังสารวัฎฎ์ หรือแม้จะตกไปในการเกิดดับของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏอยู่ เพราะฉะนั้น โอวาทที่เป็นโอวาทปาติโมกข์ จึงเป็นหัวใจ หรือเป็นหลักทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ก็ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์นี้ทุกพระองค์
คุณอุไรวรรณ ขอให้ท่านอาจารย์ สรุปด้วยค่ะ
ท่านอาจารย์ การฟังธรรม ก็เพื่อให้เข้าใจถูกต้อง ตามความเป็นจริง เพื่อสามารถละอกุศล จนกระทั่งดับหมดได้ค่ะ
ขณะรู้ลักษณะธรรมตามความจริง เห็นอกุศลตนเองเนืองๆ ระลึกได้ ขณะนั้น กำลัง บูชา
ขอนอบน้อมคุณพระรัตนตรัย ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ
อนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กระทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นตามสติกำลัง
ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบไว้แทนพระองค์ด้วยความละเอียดเพื่อ "ความเข้าใจ" ด้วยความเคารพต่อพระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ