คิดถึงความหลังอย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์ 2
เข้าใจแล้วว่า ก่อนที่พระผู้มีพระภาคจะทรงตรัสรู้อริยสัจธรรม พระองค์ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ พระปัญญาเป็นเครื่องระลึกชาติได้ ทำให้ทรงเห็นอย่างประจักษ์แจ้งว่า พระองค์ได้ทรงเคยเป็นพรหม เป็นเทพ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นมาณพ เป็นบัณฑิต เป็นคนจัณฑาล เป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือแม้แต่เกิดในนรก มีทั้งทรัพย์สมบัติมหาศาล ทั้งชื่อเสียงเกียรติยศ วงศาคณาญาติ บริวารมากมาย มีความสุขความทุกข์ แต่ทุกอย่างก็ดับไปหมดแล้ว ไม่หวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แม้แต่ขณะเดียว จากการฟังพระธรรมที่ทรงพระมหากรุณาคุณแสดงโดยละเอียด ทำให้เข้าใจด้วยการพิจารณาตามกำลังสติปัญญาเล็กน้อยของตนว่า คำว่า “มีแล้ว หามีไม่”ว่าเป็นอย่างนี้เอง แม้ว่ายังไม่เข้าใจถึงขณะเดี๋ยวนี้ ที่กำลังหมดไป ว่าเป็นเช่นเดียวกัน
ต้องคิดถึงด้วยปัญญาจริงๆ ค่ะ จึงจะเป็นประโยชน์
ขออนุโมทนาค่ะ
จากการฟังพระธรรมที่ทรงพระมหากรุณาคุณแสดงโดยละเอียด ทำให้เข้าใจ
ด้วยการพิจารณาตามกำลังสติปัญญาเล็กน้อยของตนว่า คำว่า
“มีแล้ว หามีไม่"
สาธุ
ถ้าเช่นนั้นพวกเราทุกคนก็ต้องเคยเกิดเป็นพรหม เป็นพราหมณ์ เป็นจัณฑาน รวยทรัพย์ ฯลฯ มาแล้วทั้งนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอีก ไม่กลับไปได้ และเมื่อเชื่อในการสั่งสม ก็ต้องเคยฟังธรรมมาแล้วทั้งนั้น ถึงได้ฟังอีกในชาตินี้ และเมื่อฟังเข้าใจก็ต้องมีปัญญามากน้อยต่างกันไป ที่นี้ปัญญาก็มีหลายขั้น หน้าที่คือเจริญปัญญาที่มีอยู่ให้มีกำลังรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงจนไม่มีเรา มีแต่ธรรม ที่มีแล้วหามีไม่ เป็นการยืมความรู้ของพระผู้มีพระภาคที่ระลึกชาติได้ไห้เป็นประโยชน์ ครับ
บางครั้งก็ไม่รู้สภาพที่ปรากฎ แต่จะเป็นขณะที่คิดเป็นเรื่องว่า มีแล้วหามีไม่ ก็ช่วยได้ที่จะไม่ให้อกุศลเกิดต่อยาวๆ บางครั้งก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น อันความคิดนี้ก็ได้ประโยชน์จากการฟังพระธรรม ขออนุโมทนากราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพ
เมื่อเวลาปฐมยาม พระองค์ทรงระลึกชาติได้ แต่ก็ไม่เห็นความสิ้นสุดของการเกิดมาแล้ว
ในอดีต ให้เห็นว่าสังสารวัฏฏ์นี้ยาวนานนับไม่ได้ สิ่งที่สำคัญคือการอบรมปัญญาขณะ
นี้ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 145
อรรถกถามหาปทานสูตร
จริงอยู่ เราพยายามเพื่อรู้แจ้งแทงตลอด ธรรมนี้ไม่มีทานที่ไม่ได้ให้
ไม่มีศีลที่ไม่ได้รักษา ไม่มีบารมีที่ไม่ได้บำเพ็ญมิใช่หรือ แม้เมื่อเรากำจัดมาร
และเสนามารดุจไร้ความอุตสาหะ แผ่นดินก็ไม่หวั่นไหว แม้เมื่อเราระลึกถึง
ขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในชาติก่อนในปฐมยามได้ก็ไม่หวั่นไหว แม้เมื่อเราชำระ
ทิพพจักษุในมัชฌิมยาม ก็ไม่หวั่นไหว แต่เมื่อเรารู้แจ้งแทงตลอดปฏิจจสมุป-
บาทในปัจฉิมยาม แผ่นดินหมื่นโลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ด้วยประการดังนี้
จะเห็นได้ว่าปัญญามีหลายระดับ แม้การระลึกชาติก็ต้องมีปัญญา แต่ปัญญา
นั้นไม่สามารถดับกิเลสได้เลย แต่การรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็น
จริงที่มีในขณะนี้ แทงตลอดปฏฺจจสมุปบาทซึ่งก็คือสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้
อันเป็นปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้เป็นสิ่งที่ประเสริฐสูงสุด ย่อมยังแผ่นดินให้
ไหวได้เพราะเป็นสิ่งที่เลิศครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
แม้ขณะนี้เกิดแล้ว ดับแล้ว...มีแล้วหามีไม่... จะเรียกสิ่งที่ดับไปแล้วให้กลับมา
ก็ไม่ได้... จะหาสาระอะไรกับสิ่งที่ดับไปแล้ว...
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ และพี่ kanchana.c ค่ะ