ชีวิตที่ ... กว่าจะได้พบ ... พระธรรม - อ.นิภัทร

 
คุณย่า
วันที่  24 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12748
อ่าน  3,102

สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
ปฏิบัติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ก.ย. ๒๕๕๑

อ.กุลวิไล ขอความหมาย ของคำว่า อธิษฐาน จากอาจารย์นิภัทรค่ะ

อ.นิภัทร ก็ตรงตัวอยู่แล้ว อธิษฐาน อธิ = ยิ่ง ฐาน = ตั้ง ตั้งใจไว้ยิ่งอย่างมั่นคง ผมอยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังความวิปริตของคนที่นับถือพระพุทธศาสนาสมัยนี้ ไม่ใช่เฉพาะแต่วงการฆราวาสเท่านั้น แม้ในวงการของคณะสงฆ์ ก็ยังศึกษาธรรม โดยขาดความรอบครอบ ผมอยากใช้คำอย่างนี้ ก็เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน เข้าใจพระศาสนาคลาดเคลื่อน สับสน โดยไม่รู้ด้วย เพราะไม่รู้ว่า ที่ถูกต้องคืออย่างไร ไม่มีปัญญาที่จะตัดสินว่า ที่ถูกคืออย่างไร ที่ผิดคืออย่างไร ความเป็นไปของพุทธศาสนิกชน ในเมืองไทยนี้ เป็นไปอย่างนี้ เป็นส่วนมาก ส่วนใหญ่ของประเทศไทยเลย ผมเองก็อยู่ในจำพวกนี้

แม้จะบวชตั้งแต่เล็กแต่น้อย เติบโตในวัด โดยอาศัยชาวบ้านเลี้ยงชีวิต ศึกษาเล่าเรียนมาจนชีวิตจะครบบวชเป็นพระ ก็ตั้งใจว่าจะบวชไม่สึก จะเอามรรคผล นิพพานให้ได้ ตั้งใจไว้อย่างนั้นนะ เป็นอธิษฐาน จะเอามรรคผลนิพพานให้ได้ เมื่อจะเอานิพพาน เราก็ต้องสนใจ ไม่ใช่จะสนใจคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สนใจว่าอาจารย์ไหน ที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจแก่เราได้ อาจารย์ดังๆ ในสมัยนั้น ที่ผมจะไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยเป็นส่วนน้อย บางองค์ก็เคยไปอยู่ด้วย ไปศึกษาด้วย แล้วก็เชื่อ แล้วก็ทำตามหมด บอกให้ไปทำอะไรที่ไหน ก็ทำตามหมด เพราะคิดว่าท่านเป็นผู้ที่บรรลุแล้ว ถึงฝั่งแล้ว เราก็อยากถึงอย่างท่านๆ แนะนำอะไร ก็ทำตาม เรียกว่าเชื่อโดยไม่มีเหตุผล เพราะเราไม่มีอะไรจะไตร่ตรอง หาเหตุผล เพราะปัญญาไม่มี เข้าใจว่าปริยัติที่เรียนมานั้น ไม่เกื้อกูลแก่การปฏิบัติ เพราะความเข้าใจของเรามันผิด ไม่ใช่ปริยัติไม่เกื้อกูลนะ ปริยัติที่ถูกต้อง ปฏิบัติจึงจะถูกต้อง ปริยัติผิด ปฏิบัติก็ผิด

อ.กุลวิไล ตอนนั้น อ.นิภัทรทราบหรือเปล่าค่ะ ว่านิพพาน คือ อะไร

อ.นิภัทร พระนิพพานก็รู้แต่ว่า ดับกิเลส ดับความทุกข์ ก็นึกว่าจะเอาตัวทั้งตัวนี้ ไปนิพพาน ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียว ทำตามด้วย ปฏิบัติตามด้วย เข้าห้องปฏิบัติ ทำจนสุดฤทธิ์น่ะ เสร็จแล้วก็ไม่ได้อะไร บังเอิญสุขภาพก็ไม่ดีด้วย เพราะไปเหาะ ไปกระโดดเขามา

ไม่ตายก็บุญแล้ว ก็เรียนเจ้าอาวาสว่า ผมคงอยู่ในพระศาสนาไม่ได้แล้ว ทำอะไรก็ทำทุกอย่างแล้ว ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา ก็ขอลาสิกขา แต่ผมมีความตั้งใจโดยปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้พบพระธรรมที่ถูกต้องที่ผ่านๆ มานั้น มันไม่ถูกต้อง ก็ยังไม่พบ สึกมาแล้วตั้งหลายปี ออกจากวัดมาปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หูก็ยังเงี่ยฟังที่โน่นที่นี่อยู่นะ ไปวัดมหาธาตุบ้าง วัดพระเชตุพนบ้าง วัดระฆังบ้าง ดีกว่าจะไปดูหนังฟังเพลง ก็ไม่เห็นได้อะไร จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๐ ผมก็เปิดวิทยุฟังอยู่แล้ว เผอิญไปเจอสถานียานเกราะ ได้ยินเสียงท่านอาจารย์

ผมไม่รู้จักท่านอาจารย์ ผมยังคิดว่า ท่านผู้นี้น่ะ ทำไมเมื่อเราบวชเราจึงไม่ได้พบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ซึ่งผมก็รู้จักดี ท่านพูดธรรมอย่างนี้ ไม่มีใครพูดแบบนี้ มีความเลื่อมใส แต่ยังไม่เข้าใจนะครับ แต่รู้ว่าพูดมีเหตุมีผล อ้างที่มาที่ไป ควรที่จะเชื่อถือได้ และผมก็ได้ฟังตั้งแต่นั้นมาเรื่อยๆ ฟังไม่ขาด ฟังติดต่อกันมาเรื่อย แล้วก็คิดว่าเงินที่เราได้ประมาณ ๗๐๐-๘๐๐ บาท พิเศษนี้ คงไม่ทำให้ร่ำรวยอะไรนัก สำหรับงานพิเศษนี้ ก็เลยตัดสินใจลาออก เพื่อมาศึกษาธรรมที่อาจารย์บรรยายที่วัดบวร ฟังเรื่อยๆ มา

ความเข้าใจมันก็เพิ่มขึ้น เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์ของพระศาสนา ว่าพระศาสนาที่ถูกต้องๆ เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ใครจะพูดยังไงก็ได้ ใครจะอ้างยังไงก็ได้ มีอยู่ทางเดียว ถูก คือ ถูก สิ่งที่ผิดจะเอามาถูกทีหลังเป็นไปไม่ได้ ถูกก็ถูกตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายเลย เริ่มต้นผิด มันก็ผิดตลอด ไม่มีทางที่จะวกมาหาถูกได้ เราก็มั่นใจ ฟังโดยไม่ต้องเร่งรัด ฟังมาเรื่อยๆ ความรู้ความเข้าใจ ก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว มารู้เอาตอนหลังว่า เรารู้มาได้ยังไง เราเข้าใจมาได้ยังไง ก็เรียกว่า ความปรารถนาที่ตั้งไว้ว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้ธรรม เห็นธรรม ตามที่เป็นจริง ผมก็เรียกว่า ผมได้บรรลุวัตถุประสงค์นะ ที่ตั้งไว้อย่างนั้น ผู้ที่จะทำให้เราเข้าใจถูกนี้ เราก็ได้ยินได้ฟังน้อย ถ้าไม่ได้กัลยาณมิตรที่ดี ช่วยสนับสนุนก็ลำบาก ผมถึงบอกว่าได้รอดชีวิตมาได้แล้ว ได้มาพบท่านอาจารย์ก็นับว่าบุญแล้ว แม้ว่าพระศาสนาจะล่วงเลยมา ล่วงพันปีที่ ๓ แล้ว ก็ยังถือว่าเรามีบุญนะ ผมนึกว่าผมจะตายตั้งนานแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ตาย ยังได้ฟังท่านอาจารย์อยู่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 24 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sam
วันที่ 24 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 24 มิ.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
saifon.p
วันที่ 24 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
aiatien
วันที่ 25 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pradit
วันที่ 25 มิ.ย. 2552

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ประสาน
วันที่ 25 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 26 มิ.ย. 2552
สาธุ กราบอนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
narong.p
วันที่ 27 มิ.ย. 2552

ชีวิตแต่ละคนก็เป็นไปตามกรรม ชีวิตแต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง เหมือนกันไม่ได้เลย สะสมมาแสนโกฏิกัปป์ เป็นไปตามการสะสม มั่นคงในความไม่มีตัวตน สภาพธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ สังขตธรรมคือธรรมที่เกิดแล้ว จึงเป็นสภาพที่เกิดขึ้นจริงเพราะเหตุปัจจัย สภาพธรรมใดยังไม่เกิด ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าสภาพธรรมใดจะเกิดขึ้นในขณะต่อไป สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดแล้วในขณะนี้เท่านั้น ขณะก่อนหน้านี้สภาพธรรมดับหมดไปแล้วไม่กลับมาอีก ขณะต่อไปสภาพธรรมก็ยังไม่เกิด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Jans
วันที่ 30 มิ.ย. 2552

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pamali
วันที่ 8 ต.ค. 2553

กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
natre
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนากับคุณลุงนิภัทรครับ ผมก็นับว่ายังพอมีบุญที่ได้รับโอกาส (กุศลวิบากทางหู) เหมือนเช่นคุณลุง ส่วนผมหมุนคลื่นเจอท่านอาจารย์ทางวิทยุ ปี 2540 ครั้งแรกฟังเรื่องเมตตา เมตตาธรรมค้ำจุลโลกจริงๆ ครับ ปัจจุบันและอนาคตผมก็ฟังๆ ๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nopwong
วันที่ 21 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
peem
วันที่ 28 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Kalaya
วันที่ 17 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ