โอปปาติกะ

 
small
วันที่  24 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12751
อ่าน  1,693
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 176

............................บทว่า เต จ โหนฺติ มโนมยา ความว่า สัตว์เหล่านั้นแม้บังเกิดในมนุสโลกนี้ ก็เป็นพวกโอปปาติกกำเนิด บังเกิดขึ้นด้วยใจเท่านั้น ฉะนั้น จึงชื่อว่าผู้มีความสำเร็จทางใจ. ปีติเท่านั้นย่อม ให้สำเร็จกิจด้วยอาหารแก่สัตว์เหล่านั้นแม้ในมนุสสโลกนี้ เหมือนในพรหมโลก ฉะนั้น สัตว์เหล่านั้นจึงชื่อว่ามีปีติเป็นภักษา.

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
small
วันที่ 24 มิ.ย. 2552
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 355

ข้อว่า โยนิโย แปลว่า ส่วนทั้งหลาย. เหล่าสัตว์ที่ชื่อว่า อัณฑชะเพราะอรรถว่า เกิดในไข่. ชื่อว่า ชลาพุชะ เพราะอรรถว่า เกิดในครรภ์.ชื่อว่า สังเสทชะ เพราะอรรถว่า เกิดในเหงื่อไคล. คำนี้เป็นชื่อของสัตว์ที่เกิดในที่นอน และในที่โสโครก มีปลาเน่า เป็นต้น. ที่ชื่อว่า โอปปาติกะเพราะอรรถว่า เป็นเหมือนมาเกิดขึ้นโดยฉับพลัน. ในข้อนั้น นี้เป็นความแตกต่างกันระหว่าง สัตว์เกิดในเหงื่อไคล กับสัตว์ที่เกิดผุดขึ้นในจำพวกเทวดาและมนุษย์. สัตว์จำพวกสังเสทชะ เกิดเป็นตัวอ่อนเล็กๆ . สัตว์จำพวกโอปปาติกะ เกิดเป็นตัวเท่ากับคนอายุ ๑๖ ปี. จริงอยู่ ในหมู่มนุษย์และภุมมเทวดา ย่อมหากำเนิดสี่ เหล่านี้ได้ครบ. ในจำพวก ครุฑและนาคเป็นต้น ซึ่งเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ก็เหมือนกัน. สมจริงดังพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาครุฑ และนาคนั้น พวกครุฑซึ่งเป็นสัตว์ในไข่ ย่อมสังหารพวกนาค ซึ่งเป็นสัตว์เกิดในไข่ด้วยกันแต่หาสังหารสัตว์จำพวกชลาพุชะ สังเสทชะ โอปปาติกะ ไม่.เทวดาชั้นสูงๆ ขึ้นไปตั้งแต่ ชั้นจาตุมมหาราชิกา จัดเป็นจำพวกโอปปา-ติกะทั้งนั้น. สัตว์นรกก็เช่นกัน. ในจำพวกเปรตก็หากำเนิดได้ครบทั้ง ๔.การก้าวละสู่ครรภ์ ท่านกล่าวไว้แล้วในสัมปสาทนียสูตร นั่นแล.
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ