จิตคิด จิตฟุ้งซ่าน
ในหลายพระสูตรกล่าวถึงอารมณ์กรรมฐานเป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิต ทำให้จิตตั้งมั่นในอารมณ์เดียว แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัญญา ถ้าขาดปัญญาแล้ว การอบรมจิตย่อมมีไม่ได้สำหรับการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ไม่ใช่เราไปห้ามไม่ให้จิตคิดถึงเรื่องต่างๆ แต่จิตเป็นอย่างไรควรรู้ตามเป็นจริง
Everything is under the law of anatta. Everything (except nibbana) issubjected to causes and conditions. We should bear that in mind. To stopthinking (or being uncalm) is impossible since there are causes and conditionsfor that thinking to arise. The more we understand whatever appears as itreally is, the less clinging we will be..... and our mind will also be calm as a
consequence. So please keep on studying / listenning to dhamma nakaเพราะถ้าขาดปัญญาแล้วการอบรมจิตย่อมมีไม่ได้
คุณ aknight คะ ขณะที่ "จิตคิด " หรือ " จิตฟุ้งซ่าน" กำลังเกิดขึ้นปรากฏสติสามารถเกิดขึ้นระลึกรู้ได้ว่าเป็นเพียงแค่สภาพธรรมอย่างหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏในชีวิตประจำวัน ตามปรกติ ขณะนั้นหากไม่มีการพิจารณา ไตร่ตรอง ศึกษาในลักษณะของสภาพธรรมนั้นที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏ เราจะไปศึกษาตอนไหนคะ และถ้าหากสภาพธรรมนั้นไม่เกิดขึ้น หรือดับไปแล้ว เราจะมีสภาพธรรมหรือลักษณะอะไร ที่จะทำให้เราศึกษาได้ไหมคะ? เพราะฉะนั้นตรงนี้แหละค่ะ ที่ท่านอาจารย์ท่านกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพิจารณาในลักษณะของสภาพธรรมนั้นที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏ ประโยชน์คืออยู่ตรงนี้ค่ะ
แต่ถ้าหากว่า เราเพียงเริ่มต้นศึกษาในขั้นปริยัติ หรือขั้นการฟัง กำลังของสติก็อาจจะยังไม่แข็งแรงพอ ที่จะทำให้เราเข้าใจได้ว่า "จิตคิด " หรือ " จิตฟุ้งซ่าน" นั้นเป็นเพียงแค่สภาพธรรมอย่างหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏ อาจจะเป็นเพียงแค่สติขั้นคิดไปก่อน จนกว่าเมื่อความรู้ความเข้าใจของเราเพิ่มมากขึ้น และเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สติขั้นระลึกก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่อย่าเพิ่งไปคาดหวังอะไรมากนัก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ตามปรกติ เพราะความคาดหวัง หรือความหวัง ก็คือโลภะหรือความติดข้อง ซึ่งจะทำให้เป็นเครื่องกั้น ไม่ให้สติเกิด เพราะโลภะ หรือความหวัง ก็เป็นกิเลสอีกประเภทหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนสนิท อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา แม้กระทั่งยามหลับและยามตื่น
เมื่อก่อนนี้ ดิฉันเองก็คิดฟุ้งซ่านอยู่เป็นประจำ และเกิดโทสะมากมาย เพราะว่านอนไม่ได้ ทำงานไม่ได้ แต่ภายหลังได้เรียนถามท่านอาจารย์ เหมือนอย่างคำถามของคุณaknight และคำตอบจากท่านอาจารย์ก็คือ "จิตคิด " หรือ " จิตฟุ้งซ่าน" นั้นก็คือสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏ สติสามารถเกิดขึ้นระลึกรู้ได้ว่าเป็นเพียงแค่สภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ฯลฯ ดิฉันก็เลยค่อยๆ เริ่มเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด หลังจากนั้นปัญหาก็น้อยลง เพราะเริ่มเข้าใจขึ้นว่าท่านหมายถึงอะไร ค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจไป ไม่ต้องไปพยายามที่จะรู้อะไรมากมาย ให้ทุกอย่างเป็นไปตามปรกติค่ะแล้วเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เราก็จะค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงค่ะ
Swadee ka Khun Namarupa,
Thank you for bringing this up. I realize there must be some people wondering
the same thing. I have to say I am sorry but I had no bad intention or
whatsoever. Since I am always travelling to other countries it is unlikely for me
to stick to my own PC. I would normally use the hotel PC when I was staying
there. So when you have seen my comments in Thai... it is because I used
"copy and paste". It took me a long time though to complete a sentence.
When I have time I do not mind doing that at all... but as you know it is all
subjected to causes and conditions and I am well aware of this fact!
Anyhow, I believe Thai people nowadays are well educated and more
globalized so English is not really a big deal any more!
ขออนุโมทนา คุณ namarupa ที่คิดถึงผู้ที่ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษ และ คุณsaowanee.n ที่ทำเท่าที่จะทำได้ ทุกท่านเห็นประโยชน์ในการเผยแพร่พระธรรมขออนุโมทนา