ยังเป็นเราตามรู้
สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
พื้นฐานพระอภิธรรม
อาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๑
บุษ ท่านอาจารย์ถามว่า เห็นแล้วคิด ทั้งๆ ที่คิดก็ยังไม่รู้ว่าคิดอะไร
อ.จ. แม้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ตอนถูกถามเท่านั้น เพราะอะไรนี่ตอบได้เลย ใช่ไหมค่ะ เพราะสติไม่ได้รู้ลักษณะที่คิด
บุษ ไม่คุ้นเคยค่ะ จะเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ตามรู้ กับ รู้ตาม อย่าง ลักษณะแข็งเกิด ก็มีจิตคิดไปว่ากำลังกระทบอยู่ เอาแขนไปท้าวที่โต๊ะ ก็ตามรู้ว่าเดี๋ยว ต้องแข็ง
อ.จ. เข้าใจแล้ว ก็เป็นเราตาม จะตามรู้แข็ง รู้นั่น จะตามรู้นี่ ฟังให้เข้าใจธรรม แล้วก็จะไม่มีการสงสัย เพราะว่าความเข้าใจ จะทำให้รู้ว่าอะไร เป็นอะไร เข้าใจสิ่งที่กำลังได้ยินได้ฟัง มีการได้ยินได้ฟังว่า ตามรู้ ใช่ไหม แล้วจะเข้าใจยังไงเวลาได้ยิน คำว่า ตามรู้ ถูกต้องไหมค่ะ
บุษ ก็เลยคิดไปเองว่า จะท้าวตรงโต๊ะ แล้วมีแข็งเกิด
อ.จ. แล้วตอนนั้นที่ยังไม่ได้ท้าวแขน มีอะไรหรือเปล่า มีคิดค่ะ แล้ว ไม่รู้คิด แต่จะไปทำท้าวแขน
บุษ ก็ข้ามไปแล้วค่ะ
อ.จ. แล้วจะรู้สิ่งที่เกิดแล้ว เพราะเหตุปัจจัยได้ไหม ไม่ได้ค่ะ ทำอย่างนั้น ถูกหรือผิด
บุษ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด ก็ยังไม่เข้าใจอีก ก็ยังไปหาที่ว่าเรารู้ตาม เมื่อแข็งแล้ว ปรากฎ
อ.จ. หมายความว่าคุณบุษกรได้ยิน แล้วจะทำ
บุษ เป็นเช่นนั้นค่ะ คือไม่ได้ถึงตรงลักษณะจริงๆ เลย
อ.จ. ถ้ารู้ว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะมีสภาพธรรมเกิดแล้วปรากฎ แต่เพราะไม่เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎ จึงไปทำ
บุษ ไม่คิดทำ บางครั้งก็มีสติเกิด
อ.จ. หมายความว่าอย่างไรค่ะ
บุษ รู้ความต่างค่ะ รู้ได้
อ.จ. รู้อะไร สติเกิด
บุษ บางครั้งรู้สภาพคิดว่า รู้ทัน
อ.จ. หมายความว่าอย่างไร รู้สภาพคิด
บุษ เช่นคิดในสิ่งที่ไม่ดีอย่างนี้ แล้วมีสติรู้ว่าเป็นสภาพธรรมที่คิด
อ.จ. เป็นความคิด แต่รู้ลักษณะที่คิดหรือเปล่า ที่ใช้คำว่า รู้สภาพคิด เพียงแต่รู้ว่าคิดอะไร แต่รู้สภาพคิดหรือเปล่า
บุษ สภาพคิดตรงนั้นไม่รู้ค่ะ
อ.จ. จะใช้คำว่า รู้สภาพคิดไม่ได้
บุษ อย่างเมื่อคิดแล้ว มีความไม่สบายใจเกิดขึ้น แล้วรู้ได้ว่าเป็นสภาพของคิด ลักษณะของธรรม
อ.จ. ใครระลึก
บุษ ขณะนั้นยังไม่ได้คิดว่าตัวเองระลึก
อ.จ. เดี๋ยวนี้ต้องคิดว่าตัวเองเห็นหรือเปล่าค่ะ
บุษ ก็มีตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่ว่าน้อยมาก
อ.จ. แต่ไม่ใช่เพราะคิด ไม่ใช่หรือค่ะ ถ้าไม่คิดเป็นตัวเราหรือเปล่า
บุษ ถ้าไม่คิดก็ไม่ใช่ตัวเรา
อ.จ. ตกลงเห็นนี้เป็นใคร
บุษ ถ้าอาจารย์ถามอย่างนี้ ก็แสดงว่ายังไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เห็นก็ยังเป็นเห็นท่านอาจารย์อยู่
อ.จ. เพราะฉะนั้น จะเห็นได้นะค่ะ เวลาฟังธรรมความเข้าใจธรรมเล็กน้อย แล้วไปคิดอีกมาก และคิดนั้น ตรงหรือไม่ตรง จะทำให้เข้าใจสภาพที่ได้ยินได้ฟังว่าเป็นอย่างนั้นๆ ถูกต้องได้ไหม โดยการที่ไปคิดเอาเองมากมาย ไม่ได้ค่ะ
บุษ เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ฟังแล้วคิดเป็นธรรม แล้วคิดเป็นเรื่องราว แล้วทีนี้ก็มาไตร่ตรองว่า เรื่องก็เป็นธรรม แล้วคิดอย่างไรค่ะ เป็นธรรม
อ.จ. เห็นไหมค่ะ จะยังไง คิดยังไง ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง จะยังไงใช่ไหม จะคิดยังไง ใช่ไหม คำถามว่าจะคิดยังไงใช่ไหม ยังถามอย่างนี้อยู่ ก็แสดงว่ายังไม่ได้เข้าใจค่ะ
บุษ แล้วการที่ว่าจะคิดเป็นธรรม ก็คือ ได้ยินได้ฟังว่าเป็นธรรม แต่ทีนี้ สภาพคิดที่เกิดจริงๆ แล้วไม่ได้เข้าถึงว่าเป็นธรรม
อ.จ. ก็ฟังธรรมซิค่ะ ไม่ใช่ไปคิดอย่างอื่น
บุษ ฟังธรรม ขณะที่ฟังเข้าใจ แต่สภาพคิดไม่ได้คิด ว่าเป็นธรรมเลยคิด เป็นเรื่องราวไปหมด
อ.จ. ถ้าฟังต่อไปอีก จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นอีกไหมค่ะ ว่าเป็นธรรม
บุษ ค่อยๆ เข้าใจค่ะ
ทุกอย่างเป็นธรรม คิดจึงเป็นธรรมก็อย่างหนี่ง คำถามที่ว่าคิดยังไงที่เป็นธรรมก็อีกอย่างหนึ่ง สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน ไปหาธรรมจากการที่จะคิดอย่างไร จึงไม่พบธรรม เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่หาธรรมดโดยรู้ว่าคิดก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งจึงจะพบธรรมทีคิด มันก็เข้าใจยากอย่างนี้ละ ถ้ายังเป็นเราอยู่ ครับ