ตามที่ได้สะสมมา
สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
พื้นฐานพระอภิธรรม
อาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๑
วิชัย เมื่อกี้ท่านอาจารย์กล่าวถึง การเข้าใจสภาพธรรมจะทำให้มีการ พิจารณาสิ่งที่ปรากฎจนถึงเป็นปัจจัยให้สติเกิดคือ ฟังแล้วเหมือนกับ รวดเร็วแต่ตามความเป็นจริงแล้วการอบรมเจริญแม้ความเข้าใจก็เป็น สิ่งซึ่งเป็นไปได้ยาก ความเป็นไปของสังขารขันธ์ที่น้อมไปที่จะพิจารณาสิ่งที่ปรากฎก็เป็นไปได้ยากจนกว่าสติจะเกิด
อ.จ. นี่คือ ..ผู้ที่เข้าใจธรรม ฟังแล้วขั้นฟังจะต้องเป็นผู้ที่ละเอียด นี้เป็นพื้นฐานที่จะรู้จักตัวธรรมซึ่งเป็นอภิธรรม ลึกซึ้ง พูดเรื่องเห็น ง่ายๆ หมด แล้วแต่ความลึกซึ้งของธรรมที่กำลังจะเห็น กล่าวได้โดยนัยด้วยประการทั้งปวง 45 พรรษา ก็เป็นเรื่องสภาพธรรมทั้งหมด ที่มีจริงในชีวิตประจำวันไม่ใช่แต่ในชาตินี้ ชาติเดียว กี่ภพ กี่ชาติ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น การฟังแต่ล่ะครั้งไม่ใช่ให้ใครไปทำอะไร เพราะอะไรคะ ธรรมะใครทำได้ ถ้ารู้ว่าเป็นธรรมะเกิดแล้วด้วย ถ้าไม่เกิดจะมีใครมาอยู่ตรงนี้หรือเปล่าคะ จะมีอะไรตรงนี้หรือเปล่า แต่ไม่รู้ว่ามายังไง จึงได้เป็นขณะนี้ แม้จะเห็น แม้จะคิด แม้จะได้ยิน แต่ล่ะคนต้องเป็นไปตามความเป็นไปของจิต ตามการสะสมของแต่ละจิตทีล่ะหนึ่งขณะตามที่ได้สะสมมา
เพราะฉะนั้น แม้ว่าจะได้ยินได้ฟังเรื่องของสภาพธรรม เพราะเป็นผู้ตรง เห็น กำลังเห็นสิ่งที่ปรากฎกำลังปรากฎ ค่อยๆ ฟังเข้าใจว่าเป็นสิ่งซึ่งใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ แล้วก็ต้องเกิดแล้วด้วย แล้วก็ปรากฎแล้ว ก็ทรงแสดงถึงปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมแต่ละอย่างเกิดปรากฎได้ด้วย เพื่อที่จะให้เห็นชัดว่าเป็นธรรมซึ่งเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แล้วการฟังธรรมต้องลึกซึ้งด้วย เช่นธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หมายความว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครแล้วก็ไม่เป็นอิสระ ฟังดูรู้สึกยังไงค่ะ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนแน่นอนใช่ไหมค่ะ "เห็น" ปรากฎตัวไหน ไม่มีเลย เป็นธาตุ ซึ่งปรากฎให้เห็นได้เท่านั้นค่ะ แล้วก็หมดไป "เสียง"ก็จะเป็นใครหรือของใครมีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป เป็นอนัตตาทั้งหมด ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาและไม่อิสระ
เห็นไหมค่ะ พระธรรมที่ทรงแสดง เพื่อที่จะให้เข้าใจตรงกับที่กล่าวไว้เมื่อกี้นี้เลย เพียงแต่ใช้อีกคำหนึ่งเพื่อที่จะทดสอบความเข้าใจของคนฟัง ว่าสามารถที่จะเข้าใจถึงความหมายของคำว่าไม่เป็นอิสระหรือเปล่า เพราะว่าตอนแรกก็ได้ทรงแสดงไว้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะว่าไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ไม่ใช่ใคร เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อมีปัจจัยไม่เป็นอิสระถูกต้องไหมคะ ถูกหรือไม่ถูก
วิชัย หมายความว่า ธรรมเป็นอย่างนั้นเอง ไม่สามารถบังคับให้เป็น อย่างอื่นได้
อ.จ. ถูกต้อง หมายความว่า เมื่อไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่เป็นอิสระ เพราะว่าเกิดขึ้นเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย จะเป็นอิสระจะเกิดเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้เลย แม้ว่าเป็นอนัตตาจริง แต่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย พ้นจากเหตุปัจจัยไม่ได้ เพื่อที่จะให้เข้าใจ ความหมายของ อนัตตา ยิ่งขึ้น พอฟังเผินๆ เหมือนกับว่าเมื่อไม่ได้ อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครก็อิสระใช่ไหมคะ แต่ไม่เป็นอิสระ เพราะว่าเกิดเองตามใจชอบไม่ได้ เป็นไปตามต้องการไม่ได้ แต่ว่า ต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย เกิดขึ้นเป็นไปอย่างนั้นตามเหตุ ตาม ปัจจัยที่มีอย่างนั้นในขณะนั้น เป็นอื่นจากนั้นไม่ได้
หมายความว่าเมื่อไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาไม่เป็น อิสระ.!เพราะว่า เกิดขึ้น เป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย จะเป็นอิสระ...จะเกิดเอง เป็นอย่างนั้นอย่างนี้...ไม่ได้เลย.! แม้ว่า เป็น "อนัตตา" จริงแต่ เกิดขึ้น....เป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัยพ้นจาก "เหตุปัจจัย" ไม่ได้.!
เพื่อที่จะให้ "เข้าใจความหมายของอนัตตา" ยิ่งขึ้น. พอฟังเผินๆ เหมือนกับว่าเมื่อไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ก็ "อิสระ" ใช่ไหมคะ....?
แต่ "ไม่เป็นอิสระ" เพราะว่าเกิดเอง ตามใจชอบ ไม่ได้.!เป็นไป ตามต้องการ ไม่ได้.!
แต่ว่าต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย เกิดขึ้น เป็นไป อย่างนั้น ตามเหตุ ตามปัจจัยที่มี อย่างนั้น ในขณะนั้น. เป็นอื่นจากนั้น ไม่ได้.!
ขออนุโมทนาค่ะ