ภิกษุ ๕๐๐ รูปฆ่าตัวตาย [อรรถกถาเวสาลีสูตร]

 
Sam
วันที่  3 ก.ค. 2552
หมายเลข  12817
อ่าน  3,997

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 233

คำว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่สักกึ่งเดือน ความว่า ภิกษุทั้งหลาย เราต้องการพักผ่อน คือหลีกเร้น ได้แก่ อยู่เพียงคนเดียวตลอดกึ่งเดือนหนึ่ง.

คำว่า ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตรูปเดียว คือ ภิกษุใด ไม่กระทำคำพูดที่ควรแก่ตน นำบิณฑบาตที่เขาจัดไว้ในตระกูลที่มีศรัทธามาเพื่อประโยชน์แก่เราแล้วน้อมเข้าไปให้ นอกจากภิกษุผู้นำเอาบิณฑบาตมาให้รูปเดียวแล้ว ใครอื่น ไม่ว่าจะเป็นภิกษุ หรือคฤหัสถ์ไม่พึงเข้าไปหาเรา. ทำไมจึงตรัสอย่างนั้นเล่า.

มีเรื่องเล่าว่า ในอดีตกาล พวกพรานเนื้อ ๕๐๐ คน เอาท่อนไม้และบ่วง เป็นต้น ขนาดใหญ่ๆ มาล้อมป่า ต่างดีอกดีใจ เลี้ยงชีวิตด้วยการทำการฆ่าเนื้อและนกตลอดชีวิตมาด้วยกันทีเดียว (ตายแล้ว) . ก็เกิดในนรก. พวกเขาไหม้ในนรกนั้นแล้ว ด้วยกุศลกรรมบางอย่างที่ทำไว้เมื่อก่อนนั่นแหละ ก็มาเกิดในหมู่มนุษย์ ด้วยอำนาจอุปนิสัยอันงาม ทุกคนก็ได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า. เพราะอกุศลกรรมเดิมนั้น ของท่านเหล่านั้น อปราปรเจตนาที่ให้ผลยังไม่เสร็จ ก็ได้ทำโอกาสเพื่อเข้าไปตัดชีวิต ด้วยความพยายามของตัวเอง และด้วยความพยายามของคนอื่น ในภายในกึ่งเดือนนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นเหตุการณ์นั้น. อนึ่ง ขึ้นชื่อว่า วิบากของกรรมแล้ว ไม่มีใครจะสามารถป้องกันได้ ก็ในภิกษุเหล่านั้น ปุถุชนก็มี พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระขีณาสพก็มี. ในท่านเหล่านั้น ที่เป็นพระขีณาสพ ไม่มีการสืบต่อภพชาติ อริยสาวกนอกนี้ มีคติที่แน่นอนเป็นที่ไปในเบื้องหน้า คติของพวกปุถุชนไม่แน่นอน. อย่างไร.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระดำริว่า ภิกษุเหล่านี้ เพราะความพอใจรักใคร่ในอัตภาพ กลัวมรณภัยแล้ว จะไม่ศึกษาเพื่อชำระคติ เอาเถิดเราจะแสดงอสุภกถาเพื่อให้ภิกษุเหล่านั้นละความพอใจรักใคร่ พวกเธอ เมื่อได้ฟังอสุภกถานั้นแล้ว. เพราะความที่ปราศจากความพอใจรักใคร่ในอัตภาพ แล้วจะทำการชำระคติ แล้วจะถือเอาปฏิสนธิในสวรรค์ เมื่อเป็นอย่างนี้ การบวชในสำนักเราของพวกเธอก็จะมีประโยชน์ เพราะเหตุนั้น เพื่ออนุเคราะห์พวกเธอ จึงทรงแสดงอสุภกถา ด้วยทรงมุ่งกัมมัฏฐานเป็นสำคัญ มิใช่ทรงมุ่งจะพรรณนาคุณแห่งความตาย.

ครั้นทรงแสดงแล้ว พระองค์ก็ทรงพระดำริอย่างนี้ว่า หากกึ่งเดือนนี้ พวกภิกษุจะเห็นเรา ก็จะพากันมาบอกว่า วันนี้มีภิกษุ ๑ รูป มรณภาพแล้ว วันนี้ ๒ รูป ฯลฯ วันนี้ ๑๐ รูป มรณภาพแล้ว ก็ผลของกรรมนี้ จะเป็นเราหรือคนอื่นก็ตาม ไม่สามารถจะห้ามได้ เรานั้นถึงได้ยินกรรมวิบากนั้น ก็จะทำอะไรได้. ประโยชน์อะไรของเราด้วยการฟังเรื่องฉิบหาย เรื่องพินาศด้วยเล่า เอาล่ะ เราจะหลบไม่ให้ภิกษุทั้งหลายเห็น เพราะฉะนั้น จึงได้ตรัสอย่างนั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่สักกึ่งเดือน ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตไปให้เพียงรูปเดียว.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nopwong
วันที่ 8 พ.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ