ใช้การนั่งสมาธิ เดินจงกรม มาจัดการกับจิตที่ฟุ้งซ่านถูกต้องหรือไม่
เมื่อจิตคิดฟุ้งซ่าน รำคาญใจในสิ่งผ่านมาและปรุงแต่งในทางโลกจนรู้สึกวุ่นวาย
เมื่อศึกษาธรรมะ เข้าใจว่าเป็นสภาพของโทสเจตสิก เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย รู้ว่าเป็นอกุศล ควรละ ...แต่ก็ไม่มีกำลังแรงกล้าพอที่จะทำให้สงบใจลงได้ จิตยังคงกลุ้มรุมในความขุ่นเคืองใจ เร่าร้อน กระวนกระวาย
จึงได้หวนคิดถึงในอดีตที่เคยสั่งสมการเจริญสมถภาวนา (นั่งสมาธิ, เดินจงกรม) ซึ่งเคยเป็นวิธีที่ทำให้จิตสงบ เพราะขณะนั้นเข้าใจว่า จำเป็นต้องใช้การปฏิบัติอย่างนี้มาจัดการแก่จิตที่ไม่สงบ
แนวทางแก้ไขปัญหาแบบนี้ ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ขอความอนุเคราะห์ท่านผู้มีปัญญาได้เกื้อกูลด้วยครับ
สาธุ
ขออนุญาตเสริมความเห็นที่ 1 ครับ
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้า 587
๕. อนุสสติฏฐานสูตร ว่าด้วยอนุสติ ๖ ประการ
[๒๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุสติ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมระลึกถึงพระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น. . . เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึง พระตถาคต สมัยนั้น จิตของพระอริยสาวกนั้น เป็นจิตไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว เป็นจิตออกไป พ้นไป หลุดไปจากความอยาก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่าความอยากนี้ เป็นชื่อของเบญจกามคุณ สัตว์บางพวกในโลกนี้ ทำพุทธานุสติแม้นี้ให้เป็นอารมณ์ ย่อมบริสุทธิ์ ได้ด้วยประการฉะนี้.
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระธรรมว่า ...
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระสงฆ์ว่า ... .
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงศีลของตน ... .
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงจาคะของตนว่า ... .
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงเทวดาว่า ... .
ขออนุโมทนาครับ
ขณะนี้เศรษฐกิจไม่ดี เงินใหญ่และหายาก คนเข้าวัดแยะ ทางวัดทั่วโลกกำลังขยายวัดเพื่อรองรับคนที่กำลังหาความสงบจากการที่ฟุ้งซ่านเป็นข่าวทางวิทยุวันนี้ ขยายเท่าไรก็ไม่พอ มีการเปิดสอนการนั่งสมาธิกันเยอะและบางแห่งต้องใช้เงินเป็นหลักแสน สมาธิคือการที่จิตอยู่ในอารมณ์เดียวเอกัตตาเจตสิกเป็นธรรมชาติที่สงบ จึงต้องเข้าใจว่าการที่อยู่ในอารมณ์เดียวเป็นธรรมชาติที่สงบคืออะไร เมื่ออยู่ในอารมณ์เดียวไม่มีอารมณ์อื่นมาเกียวข้องก็เป็นธรรมชาติที่สงบไปในตัว ถ้ามีอารมณ์อื่นมาเกี่ยว ข้องก็ไม่สงบ มีอารมณ์อื่นมากๆ มาเกียวข้องก็ฟุ้งซ่าน สงบในที่นี้ไม่ใช่สงบตามที่คนที่จะนั่งสมาธิถามหา สงบในที่นี้เป็นเพียงของธรรมชาติที่มีอารมณ์เดียว ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สงบ แต่ผู้ที่ไปเสียเงินนั่งเข้าใจผิดว่าสงบและนี่เป็นความสงบที่ถามหา จึงเป็นที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้ จนเป็นเครื่องมือหาเงินได้ แต่ถ้าต้องการสงบแบบนี้และเสียเงินก็ โอเค ยังมีการสงบอีกแบบนหนึ่งเป็นการสงบจากอกุศล คือการรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง สงบแบบนี้รับรองไม่ฟุ้งซ่านเพราะฟุ้งซ่านเป็นอกุศล เป็นการสงบที่ถูกต้องที่แท้จริงและที่ถามหาเมื่อสงบแล้วเป็นการขจัดฟุ้งซ่านโดยเด็ดขาดไม่กลับมาอีก และมีสงบนี้เท่านั้นที่ได้โดยเด็ดขาด ถ้านั่งหรืออย่าอื่นไม่เด็ดขาด คือการฟังธรรมให้เข้าใจ เพราะเมื่อเข้าใจสงบก็เริ่มเกิดโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว และเมื่อเป็นวิปัสนาก็สงบโดยเด็ดขาด ครับ
พิจารณาบ่อยๆ ครับ แต่ก่อนผมก็ทำสมาธิด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจว่าอะไรคือ ธรรม
ถ้ากล่าวกันทั่วไปผมก็ว่าคุณโชคดีแล้วนะครับที่เจอเว็ปไซด์นี้ เพราะผมก็เริ่มเข้ามาได้
โดยไม่ได้ตั้งใจ และก็ได้ไปฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ และอาจารย์ท่านอื่นที่
มูลนิธินี้ จนได้เข้าใจธรรมที่ถูกต้อง ถ้าไปร่วมฟังธรรมและร่วมสนทนาธรรมก็ดีนะครับ
ขออนุโมทนาครับ