การติเตียนพระอริยะ
อยากทราบเกี่ยวกับการติเตียนพระอริยะ ซึ่งจะปิดกั้นการบรรลุธรรม การติเตียนต่อหน้าและลับหลัง มีโทษเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรครับ
สาธุ
ไม่เคยเห็นคุณมาก่อน เข้าใจว่าคงเข้ามาใหม่
ขอต้อนรับคุณวิท ครับ
จากคุณวิท
พระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ เช่น พระโกกาลิกะมาฟ้องพระพุทธเจ้าว่าพระสารีบุตรและ
พระโมคคัลลานะเป็นผู้มีความปรารถนาลามก พระโกกาลิกะตายไปเกิดในปทุมนรก
การติเตียน มี 2 อย่าง
ติเตียนด้วยอกุศลจิต คิดเพ่งโทษ เช่น คอยหาช่องผิดเพื่อว่าบุคคลนั้น
ติเตียนด้วยกุศลจิต ด้วยจิตที่ดีงาม ด้วยการอนุเคราะห์เกื้อกูล
เพื่อให้บุคคลนั้นออกจากอกุศลแล้วตั้งอยูในกุศล เจริญในคุณธรรม
ดังตัวอย่างพระพุทธเจ้าทรงติเตียน ภิกษุผู้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องการกล่าววาจาต่อหน้าและลับหลังว่า หากเรื่องใดไม่จริง
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ (ประโยชน์คือละอกุศลให้ตั้งอยูในกุศล หรือกุศลเจริญขึ้น)
ไม่ควรพูดวาจา ลับหลังและต่อหน้าในเรื่องนั้น
เรื่องใดจริง แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ไม่ควรพูดคำนั้นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
แต่เรื่องใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ควรดูเวลาที่จะพูด
อีกประการหนึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงว่า เรื่องใดที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ เมื่อพูดแล้ว
อกุศลเจริญก็ไม่ควรพูด แต่พูดแล้วกุศลเจริญก็ควรพูด
ดังนั้นการติเตียนจึงมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลตามที่กล่าวมา ผู้มีปัญญาจึงพิจารณาตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในเรื่องการพูดติเตียนว่าควรพูดในสิ่งใด
เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์
ดังนั้นไมได้สำคัญที่ครบองค์กรรมบถหรือไม่ครบองค์กรรมบถ
แต่เห็นโทษแม้เพียงเล็กน้อยหรือไม่แม้คำพูดที่มีในชีวิตประจำวัน ขณะนี้เอง
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 281 ผรุสวาจาเพียงดังจอบ ซึ่งเป็นเครื่องตัดทอน ตนของตนพาล ผู้กล่าว
คำชั่ว ย่อมเกิดขึ้นที่ปากของบุคคลผู้เป็นบุรุษพาล ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรติเตียนหรือติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าสะสมโทษด้วยปาก ย่อมไม่ประสบความสุข
เพราะโทษนั้น การปราชัยด้วยทรัพย์ในการเล่นการพนันด้วยตนเองจนหมดตัว เป็น
โทษมีประมาณน้อย การที่บุคคลยังใจให้ประทุษร้ายในพระอริยเจ้า ผู้ดำเนินดีแล้วนี้
เป็นโทษมากกว่า บุคคลตั้งวาจาและใจอันเป็นบาป แล้วติเตียนพระอริยะ ย่อมเข้า
ถึงนรกสิ้นหนึ่งแสนนิรัพพุทกัป ๓๖ นิรัพพุทะ และ ๕ อัพพุทะ.
ขอเรียนเสริมเพิ่มเติมจากความเห็นที่ 4
เรื่องปทุมนรก จากที่ได้อ่านในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า ปทุมนรกเป็นส่วนหนึ่งของ
อเวจีมหานรก ไม่ได้เป็นนรกที่แยกออกมาซึ่งโรรุวนรกก็เป็นส่วนหนึ่งของอเวจีมหานรก
เช่นกัน ท่านพระโกกาลิกะ ติเตียนด่าว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เมื่อท่านตาย
ไปจึงเกิดในปทุมนรก ซึ่งมีอายุยาวนานมากซึ่งตามความเห็นที่ 4 ได้กล่าวไว้ว่ามีอายุ
เท่ากับ ๘๓๑,o๔o,ooo ล้านปีมนุษย์ แต่ความจริงแล้วปทุมนรกมีอายุยาวนานกว่านั้น
มากๆ ๆ ๆ ดังข้อความดังต่อไปนี้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 175 บทว่า กาลมกาสิ ความว่า เมื่ออุปัชฌาย์หลีกไป ภิกษุโกกาลิกได้ทำกาละ
แล้ว. บทว่า ปทุมนิรย ความว่า ชื่อว่าปทุมนรกไม่มีเฉพาะแต่อย่างเดียว. ภิกษุโกกาลิกเกิดในที่หนึ่งในอวิจีมหานรกที่จะพึงหมกไหม้โดยการคำนวณปทุมหนึ่ง
(ปุทุมนั้นเป็นสังขยาซึ่งมีจำนวนสูญ ๑๒๔ สูญ) .