จะพิจารณา
สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
พื้นฐานพระอภิธรรม
อาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๑
กนก จะสับสนกับเวลาที่ในชีวิตประจำวันอยู่นิดหนึ่งที่ว่า พอทราบว่า "ทุกอย่างเป็นธรรม เป็นอนัตตา มีเหตุปัจจัยจึงจะเกิดขึ้น ไม่สามารถจะควบคุมได้" แต่ในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปนี้ ก็ต้องพิจารณาเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ก่อนที่จะมีการทำอะไร ก็เหมือนกับว่าการที่เราจะต้องพิจารณาก่อนว่าอะไรเป็นอย่างไร ถ้าผลออกมาดีแน่นอน...เราก็จะทำอะไร...อย่างนี้ล่ะคะ ก็เลยสับสนกับสิ่งที่ว่าถ้าเราพิจารณาแต่ละขณะจิต สิ่งถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ทำไปเลยโดยไม่ต้องคิดถึงผล ก็เลยสับสนไปหมด
อ.จ. แล้วการพิจารณาเป็นธรรมหรือเปล่า เป็นค่ะ พิจารณาไม่ถูกเป็นธรรมหรือเปล่าเพราะฉะนั้น เป็นเราหรือเป็นการสะสมหรือความเข้าใจธรรม และอกุศลทั้งหลายที่สะสมมาที่ทำให้ประพฤติเป็นไปอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดจนตายก็เป็นธรรม ไม่ว่าจะคิด จะทำ จะพูด ทั้งหมดก็เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ฟังธรรมแล้วอยากจะคงความเป็นเรา พิจารณาถูกหรือ ฟังธรรมแล้วจะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าเป็นธรรม จนกระทั่งละการยึดถือธรรมในขณะนั้นว่าเป็นเราได้ นี่คือประโยชน์ของการฟังฟังเพื่อที่จะเห็นถูกตามความเป็นจริงของธรรม
ฟังธรรมแล้วจะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าเป็นธรรม จนกระทั่งละการยึดถือธรรมในขณะนั้นว่าเป็นเราได้ นี่คือประโยชน์ของการฟังฟังเพื่อที่จะเห็นถูกตามความเป็นจริงของธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
ตามที่ท่านอาจารย์เมตตาสั่งสอนนั้น หากเข้าใจอย่างนี้จะถูกต้องหรือไม่ครับว่า
ในปกติชีวิตประจำวันของเรา เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม เราจะพิจารณาก่อนว่า ทำแล้วดีหรือไม่ดี ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ทำแล้วเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ แล้วเราก็ทำ ซึ่งผลก็จะเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราทำ หากเป็นไปตามที่เราคาดหวัง ก็ดูเหมือนว่า "เราทำได้ เราทำสำเร็จ" ยิ่งใครๆ ทำตามอย่างนี้ได้ ก็สำเร็จ ดูเหมือนว่าเราสามารถบังคับบัญชามันได้ แต่ที่จริงแล้ว ทุกอย่างก็เป็นธรรม เพียงเริ่มคิดพิจารณาก็เป็นธรรม เริ่มวางแผนก็เป็นธรรม ลงมือทำก็เป็นธรรม ผลเกิดขึ้นก็เป็นธรรม สำเร็จก็เป็นธรรม ไม่สำเร็จก็เป็นธรรม พิจารณาผลที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นธรรม คิดดีก็เป็นธรรม คิดร้ายก็เป็นธรรม คิดว่าเป็นเราก็เป็นธรรม ไม่มีตอนไหนเลยที่ไม่เป็นธรรม ให้เริ่มเข้าใจจากตรงนี้ก่อน ถูกต้องไหมครับ
ตามที่ท่านอาจารย์เมตตาสั่งสอนนั้น
หากเข้าใจอย่างนี้จะถูกต้องหรือไม่ครับว่า
ในปกติชีวิตประจำวันของเรา
เวลาเราจะทำอะไรก็ตาม
เราจะพิจารณาก่อนว่าทำแล้วดีหรือไม่ดี ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
ทำแล้วเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์
แล้วเราก็ทำ ซึ่งผลก็จะเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราทำ
หากเป็นไปตามที่เราคาดหวัง ก็ดูเหมือนว่า "เราทำได้ เราทำสำเร็จ"
ยิ่งใครๆ ทำตามอย่างนี้ได้ ก็สำเร็จ
ดูเหมือนว่าเราสามารถบังคับบัญชามันได้
แต่ที่จริงแล้วทุกอย่างก็เป็นธรรม
เพียงเริ่มคิดพิจารณาก็เป็นธรรม
เริ่มวางแผนก็เป็นธรรม
ลงมือทำก็เป็นธรรม
ผลเกิดขึ้นก็เป็นธรรม
สำเร็จก็เป็นธรรม
ไม่สำเร็จก็เป็นธรรม
พิจารณาผลที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นธรรม
คิดดีก็เป็นธรรม คิดร้ายก็เป็นธรรม
คิดว่าเป็นเราก็เป็นธรรม
ไม่มีตอนไหนเลยที่ไม่เป็นธรรม
ให้เริ่มเข้าใจจากตรงนี้ก่อน ถูกต้องไหมครับ
ถูกต้องครับให้เข้าใจจากขั้นการฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม มีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น
อนุโมทนา