กรรมเป็นสภาพธรรมไหมครับ?

 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่  20 ก.ค. 2552
หมายเลข  12943
อ่าน  972
ปุถุชนยังมีเราอยู่ แม้เร่งเจริญสติก็ไม่สามารถพ้นกรรมไปได้ และกรรมทำให้ปฎิสนธิจิตเกิดพร้อมกับกัมมชรูป ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ เกิดที่ครรภ์มารดาฉะนี้แล้ว ท่าน Parchern.s ครับ แม้เราก็ไม่พ้นกรรมไปได้เลย ถามว่ากรรมเป็นสภาพธรรมไหม เมื่อเกิดปัญญาว่ากรรมไม่ใช่เราแล้ว จะบังเกิดกุศลให้ผลไปสู่สุคติไหมครับ ท่านผู้เจริญในธรรม

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 20 ก.ค. 2552
พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุแสดงว่า กรรม คือสภาพธรรมประเภทหนึ่ง คือ เป็นเจตสิกปรมัตถ์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ผู้ที่รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ แม้ผู้ศึกษาเรื่องกรรมเข้าใจเรื่องกรรมย่อมทำให้พ้นจากทุกข์มีทุกข์ในอบายเป็นต้นได้ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 ก.ค. 2552

กรรมมีจริงคือเจตนาเจตสิก ควรเข้าใจว่าปัญญาที่เข้าใจว่ากรรมเป็นธรรมไม่ใช่เรา

ยังไม่ใช่ปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ จึงยังมีเหตุปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่างๆ ที่สำคัญ

หากเริ่มจากความเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ย่อมเป็นหนทางในการดับกิเลสและไม่

เกิดอีกได้ ดังนั้นประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเข้าใจถูกเบื้องต้นจนมั่นคงหรือไม่ว่าทุกอย่างเป็น

ธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 20 ก.ค. 2552

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...

อโหสิกรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไปในแต่ละขณะนั้น เป็นความจริง เป็นสัจจธรรม

บางขณะเป็นการกระทำเหตุที่ดี คือ กุศล บางขณะเป็นการกระทำเหตุที่ไม่ดี คือ อกุศลตามการสะสม ขณะที่กระทำเหตุที่ดี และ ไม่ดีนั้น เป็นกรรม กรรมมีจริง เพราะโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เจตนาเจตสิก ซึ่งเป็นความจงใจ ตั้งใจที่จะกระทำกรรมทางกายทางวาจาและทางใจ (นอกจากนั้นแล้วบางขณะของชีวิตเป็นผลของกุศลกรรม และบางขณะเป็นผลของอกุศล ด้วย ไม่มีใครทำให้เลย)

ในอดีตชาติอันยาวนานนับไม่ถ้วน เราได้กระทำทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดีไว้มากการที่กรรมใดจะให้ผลนั้น เราไม่อาจเลือกได้ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ ดังนั้น

ความเข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม ย่อมเป็นเครื่องเพิ่มพูนวิริยะความเพียร ที่จะทำให้ได้สะสมกรรมดี ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อละกิเลสอกุศลที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะบรรลุถึงซึ่งความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด (หนทางเดียวเท่านั้น คือ อบรมเจริญปัญญา) ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึงที่ระลึกถึง บาปกรรมอย่ามีแก่ข้าพเจ้า

และท่านทั้งหลายเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 21 ก.ค. 2552

บาปกรรมอย่ามีแก่ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายเลย
เท่าที่ศึกษามา...ขอเช่นนั้นไม่มีผลถ้ามีผลจะขอให้ตนเองมั่งแต่ขออนุโมทนาในเมตตาจิตคะเชิญคลิกอ่าน...กรรมยุติธรรมเสมอ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับก็พูดจาประสาโลก สื่อความรู้สึกที่มีต่อท่านผู้เจริญ เหมือนกราบไหว้อยู่เป็นนิตย์ เป็นกุศลจิตที่มีต่อท่าน รวมทั้งท่าน JANYAPINPARD ด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 22 ก.ค. 2552

เหตุย่อมสมควรแก่ผลเสมอ

กุศลเหตุย่อมได้ผล...ได้เห็น ได้ยิน....กับอารมณ์ที่ดี

อกุศลเหตุย่อมได้ผล...ได้เห็น ได้ยิน...กับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ

กิเลสที่ได้สะสมมาเนิ่นนานเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม

การอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะดับบาป อกุศลกรรม

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ