พลสูตร .. กำลัง ๔ กับภัย ๕

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 ก.ค. 2552
หมายเลข  12948
อ่าน  3,738

Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ ๒๕ ก.ค. ๒๕๕๒ เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น. คือ

๕. พลสูตร

ว่าด้วยกำลัง ๔ กับภัย ๕

จาก ... พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๗๒๑

... นำสนทนาโดย ...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๗๒๑

๕. พลสูตร

ว่าด้วยกำลัง ๔ กับภัย ๕

[๒๐๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ กำลัง คือ ปัญญา ๑ กำลัง คือ ความเพียร ๑กำลัง คือ การงานอันไม่มีโทษ ๑ กำลัง คือ การสงเคราะห์ ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ ปัญญาเป็นไฉน ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล นับว่าเป็นกุศล ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล นับว่าเป็นอกุศล ธรรมเหล่าใดมีโทษ นับว่ามีโทษ ธรรมเหล่าใดไม่มีโทษนับว่าไม่มีโทษ ธรรมเหล่าใดดำ นับว่าดำ ธรรมเหล่าใดขาวนับว่าขาว ธรรมเหล่าใดไม่ควรเสพ นับว่าไม่ควรเสพ ธรรมเหล่าใดควรเสพ นับว่าควรเสพ ธรรมเหล่าใดไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าไม่สามารถทำความเป็นอริยะ ธรรมเหล่าใดสามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าสามารถทำความเป็นพระอริยะธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันบุคคลเห็นแจ้ง ประพฤติได้ด้วยปัญญา นี้เรียกว่ากำลัง คือ ปัญญา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ ความเพียรเป็นไฉน ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล นับว่าเป็นอกุศล ธรรมเหล่าใดมีโทษ นับว่ามีโทษ ธรรมเหล่าใดดำ นับว่าดำ ธรรมเหล่าใดไม่ควรเสพ นับว่าไม่ควรเสพ ธรรมเหล่าใดไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ บุคคลยังฉันทะให้เกิด พยายามปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อละธรรมเหล่านั้น ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล นับว่าเป็นกุศล ธรรมเหล่าใดไม่มีโทษ นับว่าไม่มีโทษ ธรรมเหล่าใดขาว นับว่าขาว ธรรมเหล่าใดควรเสพ นับว่าควรเสพ ธรรมเหล่าใดสามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าสามารถทำความเป็นพระอริยะ บุคคลย่อมยังฉันทะให้เกิด พยายามปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อได้ธรรมเหล่านั้น นี้เรียกว่ากำลัง คือ ความเพียร. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ การงานอันไม่มีโทษ เป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรมมโนกรรม อันหาโทษมิได้ นี้เรียกว่ากำลัง คือ การงานอันไม่มีโทษ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ การสงเคราะห์เป็นไฉนสังควัตถุ ๔ ประการนี้ คือ ทาน ๑ เปยยวัชชะ ๑ อัตถจริยา ๑สมานัตตตา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมทานเลิศกว่าทานทั้งหลาย การแสดงธรรมบ่อยๆ แก่บุคคลผู้ต้องการ ผู้เงี่ยโสตลงสดับนี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก การชักชวนคนผู้ไม่มีศรัทธาให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศรัทธาสัมปทา ชักชวนผู้ทุศีลให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศีลสัมปทา ชักชวนผู้ตระหนี่ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในจาคสัมปทา ชักชวนผู้มีปัญญาทรามให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา นี้เลิศกว่าการ

ประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย พระโสดาบันมีตนเสมอกับพระโสดาบันพระสกทาคามีมีตนเสมอกับพระสกทาคามี พระอนาคามีมีตนเสมอกับพระอนาคามี พระอรหันต์มีตนเสมอกับพระอรหันต์ นี้เลิศกว่าความมีตนเสมอทั้งหลาย นี้เรียกว่ากำลัง คือ การสงเคราะห์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยกำลัง ๔ ประการนี้แล ย่อมก้าวล่วงภัย ๕ ประการ ภัย ๕ ประการเป็นไฉน คืออาชีวิตภัย ๑ อสิโลกภัย ๑ ปริสสารัชภัย ๑ มรณภัย ๑ทุคติภัย ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนั้นแล พิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราไม่กลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิต ไฉนเราจักกลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิตเล่า เรามีกำลัง ๔ ประการ คือ กำลังปัญญากำลังความเพียร กำลังการงานอันไม่มีโทษ กำลังการสงเคราะห์คนที่มีปัญญาทรามแล จึงกลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิต คนเกียจคร้านจึงกลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิต คือ กลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิตเพราะการงานทางกาย ทางวาจาและทางใจที่มีโทษ คนที่ไม่สงเคราะห์ใครก็กลัวต่อภัยอันเนื่องด้วยชีวิต เราไม่กลัวต่อภัย คือ การติเตียน ฯลฯ เราไม่กลัวต่อภัยคือการสะทกสะท้อนในบริษัท ... เราไม่กลัวต่อภัยคือความตาย ... เราไม่กลัวต่อภัยคือทุคติ ไฉนเราจักกลัวต่อภัยคือทุคติเล่า เพราะเรามีกำลัง ๔ ประการ คือ กำลังปัญญา กำลังความเพียร กำลังการงานอันไม่มีโทษ กำลังการสงเคราะห์ คนที่มีปัญญาทรามแล จึงกลัวต่อภัยคือทุคติ คนเกียจคร้านแล จึงกลัวต่อภัยคือทุคติ คือ กลัวต่อภัยคือทุคติเพราะการงานทางกาย ทางวาจาและทางใจที่มีโทษ คนที่ไม่สงเคราะห์ใคร ก็กลัวภัยคือทุคติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยกำลัง ๔ ประการนี้แล ย่อมก้าวล่วงภัย ๕ ประการนี้.

จบ พลสูตรที่ ๕

อรรถกถาพลสูตรที่ ๕

พลสูตรที่ ๕ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

พึงเห็นปัญญาพละเป็นต้น เพราะไม่หวั่นไหวในเพราะอวิชชาความเกียจคร้าน การกล่าวโทษ และความไม่เชื่อ. บทว่า อกุสล- สงฺขาตา ได้แก่ รู้ว่าเป็นอกุศล. ในบททั้งปวงก็มีนัยนี้. บทว่า นาล มริยา ได้แก่ ธรรมที่ไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ หรือ ไม่สมควรแก่พระอริยะ. บทว่า โวทิฏฺฐา ได้แก่ ธรรมที่บุคคลเห็นแล้วด้วยดี. บทว่า โวจริตา ได้แก่ ธรรมที่ปรากฏอยู่ในมโนทวาร. บทว่า อตฺถิกสฺสได้แก่ ผู้ต้องการด้วยการแสดงธรรม. บทว่า อาชีวิตภยํ ได้แก่ภัยที่เป็นไปในชีวิต. บทว่า อสิโลกภยํ ได้แก่ ภัยแต่การติเตียน.บทว่า ปริสสารชฺชภยํ ได้แก่ ภัยที่ถึงบริษัทแล้วเกิดการสะทกสะท้าน.ในสูตรนี้ท่านกล่าวทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะไว้.

จบ อรรถกถาพลสูตรที่ ๕


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 21 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พลสูตร (ว่าด้วยกำลัง ๔ ประการ และ ภัย ๕ ประการ) ข้อความโดยสรุป

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงพละ (กำลัง) ๔ ประการแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้ คือ

๑. ปัญญาพละ (กำลังคือปัญญา) คือ มีปัญญาที่เข้าใจความจริง รู้ธรรมที่เป็นกุศล,อกุศล, มีโทษ, ไม่มีโทษ เป็นต้น๒. วิริยพละ (กำลังคือความเพียร) คือ มีฉันทะ ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อละสภาพธรรมที่เป็นอกุศล แล้วเจริญสภาพธรรมที่เป็นกุศล ไม่มีโทษ ควรเสพ เป็นต้น๓. อนวัชชพละ (กำลังคือการงานอันไม่มีโทษ) คือ ประกอบกรรมที่ไม่มีโทษ ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ ๔. สังคหพละ (กำลังคือการสงเคราะห์) คือ สงเคราะห์ด้วยธรรมเครื่องสงเคราะห์ ๔ ประการ คือ ทาน (การให้) ,เปยยวัชชะ หรือ ปิยวาจา (กล่าววาจาเป็นที่รัก) , อัตถจริยา (ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์) สมานัตตตา (ความเป็นผู้มีตนเสมอ คือ เสมอด้วยธรรมฝ่ายดี) ต่อจากนั้นทรงแสดงว่า อริยสาวกผู้ประกอบด้วยกำลัง ๔ ประการแล้ว ย่อมก้าวล่วงภัย ๕ ประการ คือ อาชีวิตภัย (ภัยอันเนื่องด้วยชีวิต) , อสิโลกภัย (ภัยคือการติเตียน) ,ปริสสารัชภัย (ภัยคือความเป็นผู้สะทกสะท้านเมื่อเข้าถึงบริษัท) , มรณภัย (ภัยคือความตาย) และ ทุคติภัย (ภัยคือทุคติ) . ขอเชิญคลิกอ่านหัวข้อที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ สังคหวัตถุ ๔ โดย สารธรรม มีความเพียร โดย kusala ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
opanayigo
วันที่ 21 ก.ค. 2552

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 22 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Pongpat
วันที่ 22 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 23 ก.ค. 2552

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khondeebkk
วันที่ 24 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สามารถ
วันที่ 24 ก.ค. 2552

ผมจะไปฟังครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
h_peijen
วันที่ 24 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ทศพล.com
วันที่ 25 ก.ค. 2552

ขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
คุณ
วันที่ 25 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
สิริพรรณ
วันที่ 17 พ.ค. 2567

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ทานที่มีกำลังยิ่ง คือให้ธรรมทาน คำพูดที่ให้ความจริง
สิ่งที่ทุกคนกลัวภัยในโลกนี้ก็มีมาก แต่ตอนจากโลกนี้ไป กลัวอะไร? ... อบายภูมิ
ปัญญาที่เข้าใจความจริงจนมีกำลังถึงความเป็นอริยบุคคล ไม่ต้องกล้วภัยในโลกที่เป็นทุคติภูมิอีกเลย
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
เป็นบุญที่สูงยิ่ง ที่ชาตินี้ได้ฟังพระธรรมจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาค่ะ

ศึกษาเพิ่มเติมที่ พลสูตร ว่าด้วยกำลัง 4 ประการ กับภัย 5 ประการ

youtu.be/os8PcjGpWUo?si=hlRNkzJxRclRJtNK

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ