ท่านสนังกุมารพรหมคือใครครับ
อยากเรียนถามท่านอาจารย์ประจำมูลนิธิฯ ทุกท่านว่า
๑. สนังกุมารพรหมเป็นใครครับ
๒. ท่านเป็นพระอริยบุคคลในชั้นพรหมหรือไม่ครับ ปรากฏหลักฐานที่ใด ในพระไตรปิฎก
ได้ทราบมาว่าท่านเป็นผู้ได้ไปแสดงธรรมที่สุธัมมาศาลา ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นประจำ จนเป็นที่เคารพของเหล่าเทวดาทั้งหลาย เลยอยากทราบว่าเป็นใคร เพราะท่านเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระพุทธองค์มาก
ได้พบข้อความในอรรถกถากล่าวถึงสนังกุมารพรหมเพียงเล็กน้อยดังนี้ ...
ได้ยินว่า สนังกุมารพรหมนั้น ในเวลาเป็นปัญจสิขกุมารเจริญฌาน บังเกิดในพรหมโลก เที่ยวไปด้วยเพศกุมารนั่นเอง. เหตุนั้น คนทั้งหลายจึงจำเขาได้ว่ากุมาร. แต่เพราะเป็นคนเก่า จึงเรียกกันว่า สนังกุมาร ...
ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา
๑. เป็นพรหมผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ซึ่งในอรรถกถาบางแห่งแสดงว่า ท่านเป็นธรรมกถึก
๒. จากพระสูตรต่างๆ และอรรถกถาได้อธิบายถึงสนังกุมารพรหม ไว้ดังนี้
เมื่อคราวที่มีการประชุมใหญ่เกิดขึ้น (มหาสมัยสูตร) เทวดามากมายนับประมาณไม่ได้มาประชุมกันเพื่อมาเฝ้าพระพุทธเจ้าและภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้เป็นพระอรหันต์ แม้สนังกุมารพรหมก็ได้มาที่ประชุมใหญ่ครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งในมหาสมัยสูตรแสดงไว้ว่า พรหมผู้อยู่ในสุทธาวาสภูมิ (พระอริยบุคคล) เข้าฌานอยู่ ย่อมไม่ทราบว่าเทวดาประชุมกันเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อออกจากฌาน ก็ไม่เห็นพรหมอยู่เลย จึงดูด้วยทิพย์จักษุจึงทราบว่ามีการประชุมใหญ่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่ ซึ่งพรหมทั้ง ๔ องค์ก็ได้แต่งคาถาเป็นธรรม บูชาพระพุทธเจ้า และในอรรถกถาก็กล่าวถึงว่าพระพุทธเจ้า ได้ประกาศนามของพรหม ทั้ง ๔ องค์ว่ามีดังนี้
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 114
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุพรหม ได้แก่พรหมประเสริฐองค์หนึ่งและพรหม ชื่อ ปรมัตตะ. บทว่า เป็นบุตรของท่านผู้มีฤทธิ์กับ ได้แก่ อริยพรหมเหล่านี้ เป็นบุตรของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าผู้มีฤทธิ์มาด้วยกันทีเดียว.
บทว่า สนังกุมาร และติสสะ ได้แก่ สนังกุมารองค์หนึ่ง ๑ ติสสมหาพรหมองค์ ๑.
บทว่า แม้เขาก็มา ได้แก่ แม้ติสสมหาพรหมนั้นก็มา. รวมทั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงมหาสมัยสูตรจบลง เทวดามากมายก็บรรลุจนนับไม่ได้ ดังข้อความในพระไตรปิฎก ซึ่งสนังกุมารพรหมก็อยู่ในที่ประชุมนั้นด้วย
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 117
ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงจบ เทวดาจำนวนหนึ่งแสนโกฏิได้บรรลุพระอรหัตแล้ว ผู้ที่เป็นพระโสดาบันเป็นต้น ไม่มีการนับ.
ซึ่งจากที่กล่าวมาตามหลักฐานหลายประการในส่วนต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสุนังกุมารพรหม ซึ่งสามารถกล่าวพระคุณพระพุทธเจ้าตามความเป็นจริงของพระพุทธเจ้าได้ ๘ ประการ และ คำที่สนังกุมารพรหมกล่าวพระพุทธเจ้าก็ทรงรับรองว่าถูกต้อง ไม่ผิด ดังหลักฐานดังนี้
[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 511
สมจริงดังคาถาที่สนังกุมารพรหมได้กล่าวไว้ดังนี้ ว่า กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่เทวาดาและมนุษย์. พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอัมพัฏฐะ ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมขับถูกไม่ผิด กล่าวไว้ถูกไม่ผิด ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เราเห็นด้วย
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 474
บทว่า เทวปุตฺโต ได้แก่ เทวบุตรผู้เป็นธรรมกถึกองค์หนึ่ง ดุจปัญจาลจัณฑเทวบุตร ดุจหัตถกมหาพรหมและดุจสนังกุมารพรหม.
จะเห็นได้ว่าท่านเป็นผู้มีปัญญามากและตามที่มหาสมัยสูตรได้กล่าวถึงพรหม ๔ องค์รวมทั้งท่านก็อยู่ที่ประชุมนั้นอันมีการบรรลุนับประมาณไม่ได้ จึงควรอย่างยิ่งที่ท่านสนังกุมารพรหมจะเป็นพระอริยบุคคล ครับ
ขออนุโมทนา
จากความเห็นที่ 6
ไม่ใช่ท่านเดียวกัน
ปัญจสิขเทพบุตร เป็นเทพที่อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ส่วนสนังกุมาร เป็นพรหม เพียงแต่ว่าในชนวสภสูตรแสดงเรื่องนี้ไว้ว่า
สนังกุมารพรหมมาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเนรมิตอัตภาพตัวเองให้ใหญ่และมีลักษณะที่คล้ายกับ ปัญจสิขเทพบุตร แต่เป็นคนละท่านกัน
อนุโมทนา
เรียนทุกท่าน
กระผมได้ความรู้จากการสนทนามากทีเดียว ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันสนทนาในหัวข้อนี้ เพราะผมได้อ่านพระสูตรที่กล่าวถึงท่านสนังกุมารพรหม แต่ยังไม่ค่อยชัดเจน จึงได้มาเรียนถามท่านคณะอาจารย์ประจำมูลนิธิฯ เพื่อให้เข้าใจชัดเจนมากขึ้น ซึ่งก็ได้ประโยชน์มากทีเดียว เพราะมีตั้งสองสามพระสูตรที่กล่าวถึงท่านไว้และขอกราบในคุณธรรมของท่านสนังกุมารพรหม สาธุครับ