คบกับเมตตา

 
คุณย่า
วันที่  22 ก.ค. 2552
หมายเลข  12964
อ่าน  2,995

สนทนาธรรมที่มูลนิธิ ปฏิบัติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๑

คุณอุดร ผมฟังเรื่องความตระหนี่ๆ มีสาเหตุจากความพอใจและไม่พอใจ คือไม่เข้าใจว่า ความพอใจนี่ เป็นเหตุของความตระหนี่ได้อย่างไรครับ ความรักความพอใจนี่ ถ้าเรารักบุคคลใดหรือพอใจบุคคลใด สิ่งของที่เราจะให้ เราก็ให้ง่าย ไม่น่าจะมีความตระหนี่ ถ้าเราไม่พอใจ เราอาจจะไม่ให้

ท่านอาจารย์ ก่อนอื่น มีความพอใจใช่ไหม พอใจแล้วจะให้ใคร คนที่รักให้ได้ หมายความว่าอะไร มีความพอใจก่อน แล้วพอใจที่จะให้ใคร ไม่พอใจที่จะให้ใคร ให้คนที่รักได้ ให้คนที่ไม่รักได้ไหม ไม่ได้ด้วยเหตุนี้ มัจฉริยะเกิดกับโทสมูลจิต โลภะเป็นโลภะ เป็นความติดข้องในสิ่งนั้น แต่เวลาที่สามารถจะให้ได้ ไม่มีมัจฉริยะ ไม่มีความตระหนี่หวงแหน ก็คือให้คนที่พอใจ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่พอใจ ขณะนั้นโทสะเกิด ไม่ให้จริงหรือเปล่า

คุณอุดร แต่ในพระสูตรกล่าวถึงว่า ความตระหนี่นี้ มีความพอใจและไม่พอใจเป็นเหตุ

ท่านอาจารย์ พอใจ ถึงได้ไม่ให้ เก็บไว้ แต่จะให้เฉพาะคนที่พอใจด้วย ถ้าเราไม่มีความพอใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จะตระหนี่ไหม เราจะให้สิ่งที่เราพอใจมากๆ ไหม ยังชอบสิ่งนั้นอยู่มากเลย จะให้สิ่งนั้นไหม

คุณอุดร ก็คงจะไม่ให้หรอกครับ

ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เพราะพอใจหรือเปล่า เพราะยังมีความพอใจในสิ่งนั้นอยู่จึงไม่ให้ เข้าใจตอนนี้ได้ใช่ไหม และตอนไหนที่ไม่เข้าใจ

คุณอุดร เพราะผมไปนึกถึงคนที่เรารักและเราพอใจ เราก็จะให้สิ่งของนั้นกับเขาแต่ความหมายว่าสิ่งที่เรารัก เราพอใจ เราก็ให้ไม่ได้

ท่านอาจารย์ โลภะ เป็นความติดข้อง มัจฉริยะ เป็นความตระหนี่ๆ หมายความว่าไม่ให้ผู้อื่น มีส่วนร่วมในสิ่งนั้น ตระหนี่ในอาวาสที่อยู่ แม้แต่ที่นั่ง เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นใช้สอยมีส่วนร่วม ใครนั่งที่ไหนค่ะ มีที่ประจำหรือเปล่า ตระหนี่หรือเปล่าใครมานั่งได้ไหม ที่ของเราๆ นั่งมาตั้งนาน

คุณอุดร พอใครมานั่ง รู้สึกแปลกๆ

ท่านอาจารย์ แต่ถ้าเป็นคนที่เราพอใจให้นั่ง ให้ไหม ก็ให้

คุณอรวรรณ ในชีวิตประจำวันนี้ ศึกษาธรรมแล้วนี่ ถ้าเมตตานี้ก็สามารถจะเมตตากับผู้ที่คิดว่าเลวร้ายได้ ที่นี้มาคิดว่าในชีวิตประจำวันนี้ สมมติว่า บุคคลที่เลวร้าย กับการไม่คบคนพาล ที่สังคมว่าเป็นคนไม่ดี จะเอาหลักอะไรมาใช้ สมมติว่าเราเจอคนที่คิดว่าเป็นคนพาล จะคิดว่าจะเมตตาคงจะไม่ได้

ท่านอาจารย์ คบ กับ เมตตา นี่เหมือนกันไหม

คุณอรวรรณ ไม่เหมือนค่ะ ถ้าเมตตา ก็ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็เหมือนกับคบ

ท่านอาจารย์ คบ คือ ไปไหนมาไหนด้วย สนิทสนมคุ้นเคย นั่นคือคบ แต่เมตตา ขณะนั้นไม่มีความหวังร้าย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ไม่ทำร้ายคนอื่น แม้ด้วยกายวาจาและใจ นั่นคือขณะที่เมตตา ควรจะทั่วๆ ไปกับทุกคน หรือว่าควรจะจำกัด

คุณอรวรรณ ถ้าเมตตาจริง ก็ต้องทั่วไปกับทุกคน

ท่านอาจารย์ แต่ไม่จำเป็นต้องคบคนพาลใช่ไหม อย่างเดียวที่จะคบ คือ เพื่ออนุเคราะห์ แต่ถ้าอนุเคราะห์ไม่ได้ ก็ไม่ควรคบ ไม่มีประโยชน์อะไร ได้อะไรจากคนพาล คุณแก้วบอกว่า ได้อกุศลจากคนพาล แล้วจะไปเอาไหม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 23 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Komsan
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พุทธรักษา
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 23 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
aiatien
วันที่ 24 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 7 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 7 ต.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nopwong
วันที่ 22 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kullawat
วันที่ 29 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
papon
วันที่ 28 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Nataya
วันที่ 24 ก.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ