ศรัทธามีน้อย
รู้สึกว่าตนเองศรัทธามีน้อย ฟังธรรมไปสักพักก็หยุด หันไปทำอย่างอื่น ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้มีศรัทธามาก
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 203แม้ศรัทธาก็กล่าวว่ามีอาหาร (นำมาซึ่งผล) มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็น
อาหารของศรัทธา ควรกล่าวว่า การฟังสัทธรรม แม้การฟังสัทธรรม เราก็กล่าวว่ามี
อาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการฟังสัทธรรม ควรกล่าว
ว่า การคบหาสัปบุรุษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การคบสัปบุรุษ
ที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์ การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ย่อมยังศรัทธาให้บริบรูณ์
ศรัทธาจะค่อยๆ เจริญขึ้น มีกำลังขึ้น ต่อเมื่อมีความเข้าใจถูกในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ศรัทธาคือความเลื่อมใสในกุศล เช่น เชื่อกรรมและผลของกรรมจึงทำกรรมดี งดเว้น
กรรมชั่ว เพราะมีศรัทธาจึงฟังธรรม อบรมเจริญสติปัฏฐานและรักษาศีลตามการสั่งสมค่ะ
สภาพธรรมทุกอย่างมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ศรัทธาเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี มีเหตุ
ปัจจัยจึงเกิดขึ้น การได้คบสัตบุรุษ ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้ได้ฟังพระธรรมในหนทางที่ถูก
ต้อง เมื่อเข้าใจธรรมมากขึ้น กุศลประการต่างๆ ก็เจริญขึ้น ขณะที่กุศลจิตเกิดก็มีศรัทธา
เกิดร่วมด้วยเสมอ และเมื่อเข้าใจธรรมมากขึ้น ความเป็นผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัยก็มาก
ขึ้นไปด้วย
ศรัทธาเป็นเบื้องต้นของการบรรลุธรรม สัตว์ทั้งหลายจะข้ามโอฆะคือสังสารวัฏฏ์
ดับกิเลสได้เพระอาศัยศรัทธาเป็นเบื้องต้น เพราะผู้มีศรัทธาย่อมเข้าไปหา เข้าไปนั่ง
ใกล้ ปรารภความเพียรในหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้น การคบสัตบุรุษและการฟังธรรมที่ถูก
ต้องย่อมเป็นปัจจัยให้มีศรัทธาเจริญขึ้นตามลำดับ ขออนุโมทนา
ผมว่าควรเข้าใจศรัทธาให้ถูกต้อง เช่นทางโลกถ้าจะกล่าวว่ามีศรัทธา ก็หมายความ
ว่ามีความเชื่อ เช่นเชื่อในบุคล เพราะพี่งได้ เพราะรู้มากกว่า เพราะจะได้ประโยชน์ ฯลฯ
เมื่อมีน้อย ก็หมายความว่า ความเชื่อมีน้อย ในบุคล ฯลฯ และยังเป็นตัวตนที่เชื่อ แต่
ศรัทธาในที่นี้หมายถึง ความผ่องใส เกิดกับกุศลจิต จึงเป็นคนละศรัทธา แล้วศรัทธาที่
ผ่องใสเป็นยังไง ทำไมเวลาเริ่มเรียนธรรมจึงต้องเริ่มด้วยศรัทธา ในอินทรีย์ห้าก็เริ่มด้วย
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ในอาฬวกสูตรที่เรียนเมื่อวันเสาร์ บุคคลพีงหาทรัพย์
ได้ด้วยศรัทธา พึ่งข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา โอฆะก็คือกิเลส อาศัยศรัทธาที่มีตัวตน ไม่
สามารถข้ามโอฆะได้ แต่ต้องเป็นศรัทธา คือความผ่องใสเกิดกับกุศลจิตจนมีกำลังเป็น
พละ จึงสามารถข้ามโอฆะ ตัดกิเลสได้ ศรัทธาที่ผ่องใสก็มีความเชื่ออยู่แล้ว ส่วนเหตุ
ใกล้ให้เกิดศรัทธาก็มีอยู่แล้วในกระทู้นี้ สรุปคือ ฟังธรรมให้เข้าใจ ครับ
ศร้ทธาเกิดพร้อมกับสติ จึงระลึกเป็นไปกับธรรมฝ่ายดีเท่านั้นค่ะ
อนุโมทนาคุณไตรฯ สัทธาเป็นโสภณสาธารณเจตสิกหนี่งในสิบเก้าดวง มีสติด้วยแต่ที่เข้าใจว่าสัทธาที่เป็นอกุศลนั้นควรเรียกว่า เลื่อมใส่มากกว่า เพราะเลื่อมใสเป็นอกุศลได้ สัทธาต้องเป็นกุศลเท่านั้น มาแย็บแย็บ แย็บที่ไรก็เข้าร่องเข้ารอยทุกที (-__-.) ครับ
ศรัทธาน้อย เพราะปัญญามาก จึงสงสัยมากและดื้อรั้น วิริยะมาก ก็สมาธิน้อย
ต้องสมดุล พอดี เป็นทางสายกลาง สัมมาสติจะได้เจริญ นี่คือ พละ 5
อนุโมทนาคุณไตรฯ สัทธาเป็นโสภณสาธารณเจตสิกหนี่งในสิบเก้าดวง มีสติด้วยแต่ที่เข้าใจว่าสัทธาที่เป็นอกุศลนั้นควรเรียกว่า เลื่อมใส่มากกว่า เพราะเลื่อมใสเป็นอกุศลได้ สัทธาต้องเป็นกุศลเท่านั้น มาแย็บแย็บ แย็บที่ไรก็เข้าร่องเข้ารอยทุกที (-__-.) ครับ
ที่กล่าวว่าศรัทธาใน "อกุศล" โดยสภาพธรรมแล้วน่าจะเป็น "โลภะ" มากกว่าค่ะ
เพราะเป็นความรู้สึกถูกอกถูกใจ ชอบใจ ปลาบปลื้มใจ จนเกิดการยอมรับนับถือ
ซึ่งศรัทธาจะเกิดกับอกุศลจิตไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น จึงต้องเป็นอกุศลเจตสิกประเภทใดประเภทหนึ่ง
โดยเฉพาะ......โลภะค่ะ
ป.ล. เอ่อ...ว่าแต่ว่า ที่แก้มซ้ายไปโดนไรมาอะค่ะ -O_O-
ศรัทธาน้อย เพราะปัญญามาก จึงสงสัยมากและดื้อรั้น วิริยะมาก ก็สมาธิน้อย
ต้องสมดุล พอดี เป็นทางสายกลาง สัมมาสติจะได้เจริญ นี่คือ พละ 5
อ่าาาาา... คือว่ามัน งง อ่ะค่ะ
ถ้าปัญญามาก ก็ต้องไม่มีความสงสัยหรือดื้อรั้น ไม่ใช่เหรอคะ
แล้วก้อ... สงสัยมาก เป็นวิจิกิจฉานี่นา อินดี้จำได้
ดื้อรั้น เป็นลักษณะของ มานะ อ้ะป่าว...เป็นปัญญาตรงไหนอ่ะคะ
ถ้า...ศรัทธาน้อย เพราะปัญญามาก สัมมาสติคงไม่เจริญมั้งคะมึนนน....จัง
แล้วถ้า วิริยะมาก ก็สมาธิน้อย เนี่ยยยยย เป็นอะไรวิริยะคะ
แบบว่า มุ่งหวัง...เป็นตัวตนทำวิริยะด้วยโลภะ
อะไรทำนองนั้นรึป่าวคะคุณจำแนกไว้ดีจ๊ะ
อินดี้ก็ฟังมาน้อย เลยต้องค่อยๆ ถามอ่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ