ปัญญานั้น จะเหมือนกับปัญญาทางโลก หรือเปล่า ?

 
เมตตา
วันที่  5 ส.ค. 2552
หมายเลข  13095
อ่าน  1,281

ผู้มีปัญญาทางโลก เช่น เป็นคุณหมอ เป็นนักวิทยาศาสตร์ จะต่างกันกับปัญญาทางพุทธศาสนาอย่างไร?

เชิญสหายธรรมทั้งหลายร่วมกันสนทนาค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 5 ส.ค. 2552

ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pornpaon
วันที่ 5 ส.ค. 2552

ปัญญาทางโลกประกอบขึ้นด้วยกำลังของโลภะ โทสะ โมหะ

ปัญญาทางธรรม ประกอบขึ้นด้วยสภาพธรรมฝ่ายดีขั้นต่างๆ

เกิดขึ้นกระทำกิจของตนเมื่อเหตุพร้อม และทั้งหมด เป็นไปเพื่อการละ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วิริยะ
วันที่ 5 ส.ค. 2552

ปัญญาทางธรรม อย่างเช่น เมื่อเวลาฟังธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยาย แล้วจิตจดจ่อกับ

คำบรรยาย แล้วพิจารณาตาม หลังจากนั้น มีความรู้สึกว่า เราค่อยๆ เข้าใจ ถึงกับร้องอยู่

ในใจว่า อ๋อ อย่างนี้นี่เอง สิ่งนี้เรียกว่า ปัญญา หรือเปล่าคะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 ส.ค. 2552

ปัญญาทางโลก ไม่มีจบ แต่ ปัญญาทางธรรมนั้น จบได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sam
วันที่ 6 ส.ค. 2552

ปัญญาทางโลก เป็นไปเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ สุข

ปัญญาทางธรรม เป็นไปเพื่อการขัดเกลา การละ และการหลุดพ้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 6 ส.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ปัญญา (ปัญญาเจตสิก) เป็นสภาพธรรมที่เห็นถูก รู้ถูก เข้าใจถูก ตามความเป็นจริงในภาษาบาลี ไม่มีคำว่าเข้าใจถูก เห็นถูก มีแต่คำว่า ปัญญา ดังนั้น การนำคำว่าปัญญาทางโลก มาใช้ จึงไม่ตรงกับสภาพธรรมที่เป็นปัญญาเจตสิกจริงๆ กล่าวคือ ไม่ใช่ปัญญาเจตสิก ปัญญาทางโลกที่เข้าใจกันนั้น หมายถึง ศิลปะ วิชาชีพสำหรับประกอบเพื่อให้การดำรงชีวิตให้เป็นไปอย่างไม่เดือดร้อน ไม่ลำบาก ปัญญา (ปัญญาเจตสิก) ในพระพุทธศาสนา มีหลายขั้น มีทั้งปัญญาที่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม ปัญญาที่เป็นไปในการอบรมเจริญสมถภาวนา ปัญญาที่เป็นไปในการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ปัญญาในระดับที่เป็นวิปัสสนาญาณ ปัญญาที่เกิดร่วมกับมรรคจิต ปัญญาที่เกิดร่วมกับผลจิต แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาขั้นการฟังเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ไปตามลำดับ (ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา) ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 14 ส.ค. 2552

โลกในพระธรรมวินัยคือ โลกทางตา โลกทางหู โลกทางจมูก

โลกทางลิ้น โลกทางกาย และโลกทางใจ

ปัญญาทางธรรมไม่ได้สอนให้เราวางโลกค่ะ แต่ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาค่อยๆ

เข้าใจโลกทั้ง ๖ ทวารตรงตามความเป็นจริง จึงจะพ้นจากทุกข์ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Pongpat
วันที่ 14 ส.ค. 2552

ปัญญาทางโลก เป็นไปเพื่อวัฏฏะ (เพื่อได้)

ปัญญาทางธรรม เป็นไปเพื่อพระนิพพาน (เพื่อละ)

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 14 ส.ค. 2552

ปัญญาทางโลกยังมีอวิชชา คือความมืด ความไม่รู้ในหนทางที่จะออกจากสังสารวัฏฏ์

ต่างกับปัญญาทางธรรม ซึ่งเป็นแสงสว่างส่องทางให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 15 ส.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 13095 ความคิดเห็นที่ 12 โดย wannee.s

ปัญญาทางโลกยังมีอวิชชา คือความมืด ความไม่รู้ในหนทางที่จะออกจากสังสารวัฏฏ์

ต่างกับปัญญาทางธรรม ซึ่งเป็นแสงสว่างส่องทางให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดค่ะ


ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
opanayigo
วันที่ 30 ส.ค. 2552

มีผู้กล่าวไว้ว่า

ปัญญาจากการเรียนรู้ ก็อย่างหนึ่ง

ปัญญาจากการรู้แจ้งประจักษ์จริง ก็อย่างหนึ่ง

(เป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้ รู้ได้ด้วยตนเอง)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ