นิยามของคำว่าพุทธ
ขอถามหน่อยครับว่า ตามนิยามที่ถูกต้องแล้ว ใครจะได้ชื่อว่าเป็น พุทธ และการกระทำใดบ้างที่ทำให้ผู้นั้นต้อง หมดสภาพจากการเป็นพุทธ อีกคำถามคือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้นั้น เป็นสิ่งที่เป็นสัจธรรมล้วนๆ ใช่หรือไม่ คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีเท็จ มีแต่จริง ใช่หรือไม่
คำว่า พุทธะ หรือ พุทโธ โดยสูงสุดเป็นพระนามของท่านผู้รู้ คือพระพุทธเจ้า
ดังคำอธิบายจากอรรถกถาว่า พระผู้พระภาคเจ้าทรงพระนามว่าพุทฺโธ เพราะตรัสรู้สัจจะ
ทั้งหลายทรงพระนามว่า พุทฺโธ เพราะทรงยังหมู่สัตว์ให้รู้....แม้พระอริยสาวกก็ได้นามว่า
พุทธะ เพราะท่านมีปัญญารู้ตามพระพุทธเจ้า ท่านตื่นจากความหลับ คือ กิเลสทั้งหลาย
ท่านเบิกบานด้วยการรู้ความจริง แม้ผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมที่พระองค์แสดง
พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็ชื่อว่าพุทธบริษัท หรือพุทธมามะกะ เพราะนั่งใกล้
เพราะเคารพ ศึกษาประพฤติปฏิบัติตามตามพระธรรมคำสอน ส่วนผู้ที่เคารพบูชานับถือ
ศาสดาอื่น ชื่อว่าขาดจากความเป็นพุทธะ หรือการตายของปุถุชนผู้พุทธมามะกะ ก็ชื่อว่า
หมดสภาพเช่นกัน
อนึ่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา เป็นสัจจธรรม
ทั้งหมด ไม่มีคำไม่จริงเลย ถูกต้องแล้วครับ ขออนุโมทนา
พุทธคือผู้รู้จึงเป็นเรื่องของปัญญา ที่เกิดจากความเห็นถูกเข้าใจถูกในความจริงที่มีในขณะนี้ เมื่อเข้าใจความจริงย่อมถึงความเป็นพุทธ พุทธจึงแบ่งเป็น สัมมาสัมพุทธ ปัจเจกพุทธและสาวกพุทธ ผู้ที่บรรลุความเป็นพระอริยบุคคลย่อมไม่เสื่อมจากความเป็นพุทธ แต่ผู้ที่เป็นกัลยาณปุถุชนผู้อบรมปัญญา ย่อมเข้าถึงความเป็นพุทธในอนาคตกาล อันธปุถุชน ผู้มืดบอด ไมได้อบรมปัญญาย่อมไม่มีทางเข้าถึงพุทธคือปัญญาตรัสวรู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้นคงต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า พุทธไมได้มีอยู่แล้วในตัวของบุคคลทุกคน ตามความเชื่ออื่น แล้วจึงค่อยไปให้ความพุทธปรากฏออกมา แต่พุทธคือปัญญาที่รู้ความจริงต้องอาศัยการอบรมทีละเล็ก-ละน้อย จากไม่มี ค่อยๆ มีขึ้นจากการฟังธรรม จนปัญญาเกิดขึ้นรู้ความจริงของสภาพธรรม ย่อมถึงความเป็นพุทธได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องการหมดสภาพจากการเป็นพุทธ (มีพุทธอยู่แล้ว) แต่เมื่อไม่มีปัญญาก็ไม่มีทางถึงความเป็นผู้ตรัสรู้ความจริง (พุทธ) แต่ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ของปุถุชนย่อมขาดได้ด้วยการตายหรือนับถือศาสนาอื่น
อีกคำถามคือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้นั้น เป็นสิ่งที่เป็นสัจธรรมล้วนๆ ใช่หรือไม่ คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีเท็จ มีแต่จริง ใช่หรือไม่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความจริงที่เป็นสัจจะ เป็นปรมัตถธรรมที่เป็น นามธรรมและรูปธรรมไม่มีเหลือและทรงรู้ความจริงสมมติทั้งหมด เช่น เรื่อง โลก...มากมาย คำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นจริงทั้งหมดเพราะเป็นปัญญาตรัสรู้ ไม่ใช่คิดนึกเดาเองเอง
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 181 ดูก่อนจุนทะ ตลอดราตรีใดที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (ที่ควงไม้โพธิ์) และตลอดราตรีใด ที่ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ (ที่ต้นสาละคู่) ในระหว่างนี้ คำใดที่ตถาคตกล่าว พูด แสดง คำนั้นทั้งหมด ย่อมเป็นคำแท้จริงอย่างเดียว ไม่เป็นอย่างอื่น เหตุนั้น จึงได้นามว่า ตถาคต
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 45
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าตถาคต เพราะทรงถึงลักษณะที่แท้เป็นอย่างไร.
ตอบว่า ชื่อว่า ตถาคต เพราะทรงมาถึง บรรลุไม่ผิดพลาดรู้ตามลักษณะของตนเอง และลักษณะที่เสมอทั่วไป อันถ่องแท้ แท้จริง ของรูปธรรมและอรูปธรรมทั้งปวง ด้วยญาณคติ.
สพฺเพส ปน ธมฺมาน สกสามญฺลกฺขณ
ตถเมวาคโต ยสฺมา ตสฺมา สตฺถา ตถาคโต.
เพราะเหตุที่ทรงบรรลุถึงลักษณะตนและลักษณะ
ทั่วไปอันแท้จริงของธรรมทั้งปวง ฉะนั้น พระศาสดา
จึงชื่อว่าตถาคต.