ไม่เคยคาดหวังในการฟังธรรม
ดิฉันไม่เคยคาดหวังในการมาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ
ขอเพียงให้ได้มาฟังธรรมและได้พบกัลยาณมิตร ดิฉันก็รู้สึกเป็นสุขใจอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์อย่างต่อเนื่อง
ดิฉันเริ่มรู้สึกได้ว่าดิฉันละอะไรๆ ได้หลายอย่างมากๆ
ระลึกถึงพระคุณของคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น
ละการพึ่งพาผู้อื่น
ละพระเครื่องและเครื่องลางของขลัง
ละการแสวงหาอาหารมื้อเย็นตามร้านอาหาร
ให้อภัยกับผู้อื่นมากขึ้น
นินทาผู้อื่นน้อยลง
เข้าใจอะไรๆ อย่างพิจารณาถึงความถูกต้อง
เชื่อในเรื่องของกรรมยิ่งๆ ขึ้น
ฯลฯ
ขอกราบอนุโมทนา
ในความเมตตาไม่มีประมาณของท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพอย่างสูง
" ...ขอเพียงให้ได้มาฟังธรรมและได้พบกัลยาณมิตร... "
^
^
เป็นความหวังมั้ยเอ่ย?
โลภะเค้าไม่ทอดทิ้งเราไปง่ายๆ เลยจริงๆ
ต้องขออนุโมทนาท่าน เจ้าของกระทู้ ด้วยค่ะ........
ที่เห็นคุณเห็นประโยชน์ของพระธรรมค่ะ
จะคาดหวังหรือไม่คาดหวัง ในเรื่องใด หรือไม่ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ครับ
ชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องส่องผลของการฟังพระธรรม
จนกว่าจะเห็นความเป็นธัมมะตามความเป็นจริง
เมื่อมีเหตุปัจจัย ความหวังก็เกิดขึ้นหรือจะไม่หวังก็ตามก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม แต่ที่สำคัญคือต้องเริ่มจากเหตุที่ถูกคือความเห็นถูก การจะบรรลุธรรม ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูก จะหวังหรือไม่หวังก็ตามหากเหตุถูกคือเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าธรรมคืออะไร จะหวังหรือไม่หวังก็บรรลุธรรมเพราะเหตุถูก แต่หากเข้าใจผิด เข้าใจหนทางผิด จะหวังหรือไม่หวังก็ตามก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงต้องกลับมาที่เหตุ คือความเข้าใจถูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่แสดงว่าหวังหรือไม่หวัง หากเหตุผิดก็ไม่สามารถบรรลุธรรม สาธุ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒-หน้าที่ 103
[๔๑๑] ดูก่อนภูมิชะ เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสด จึงเที่ยวเสาะหานมสด แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน ถ้าแม้ทำความหวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะได้นมสดโดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูก่อนภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีทิฏฐิผิด ฯลฯ มีสมาธิผิด (เข้าใจหนทางผิด) ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย.
อ้างอิงความเห็นที่ 13
เขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคา
ย.
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวันย่อมเป็นโอกาสที่ดี และหาได้ยากอย่างยิ่ง และที่สำคัญ ถ้าหากว่าไม่ได้ฟัง ไม่ได้-ศึกษาเลย การที่จะละกิเลส หรือ สามารถออกจากสังสารวัฏฏ์ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดังนั้น ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาไป สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เข้าใจตามกำลังปัญญาของตนเอง และเป็นที่แน่นอนว่าบุคคลผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่โดยเฉพาะตัณหา และอวิชชา ยังต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอย่างแน่นอน แต่...สำหรับผู้ที่มีการสะสมปัญญา ถึงแม้ว่าจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรค แล้ว ไม่เกิดอีกนั่นเอง ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ เราห้ามความคิดไม่ได้ แม้กุศลหรืออกุศล แต่สิ่งที่ควรเสพก็คือ กุศล เสพให้มากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก็มีปัญญาด้วย ท่านอาจารย์สุจินต์เป็นผู้ที่ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลผมชอบถามท่านมากๆ ท่านดีจริงๆ ครับ
จุดประสงค์ของการศึกษาธรรม เพื่อน้อมนำมาประพฤติตามพระธรรมคำสอน ยิ่งเข้าใจ
ยิ่งเจริญกุศลทุกอย่าง และรู้ว่าไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับการสะสมความดีและปัญญาค่ะ