ผู้ที่ศึกษาธรรมต้องมีความอดทน
ไม่มีบุคคลผู้ใดที่จะสามารถรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้โดยไม่มีการฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรม การฟังพระธรรมจะทำให้เรามีความเข้าใจในสภาพธรรมตามความเป็นจริงมากขึ้น จากการเป็นผู้ที่ไม่เคยรู้ ก็จะค่อยๆ รู้ขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่ศึกษาธรรมต้องมีความอดทนในการที่จะศึกษา ในการที่จะฟัง พิจารณาไตร่ตรองความลึกซึ้งของพระธรรม
ผมนึกถึง ขันติเป็นตบะ เครื่องเผากิเลส ในส่วนต้นของโอวาทปาฏิโมกข์ และปัญญาแห่งพุทธ ที่ประกอบด้วยสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา และภาวนามยปัญญา จึงชัดเจนในมรรคองค์หนึ่งที่เรียกสัมมาวายามะ จำเป็นต้องใช้ขันติประกอบจึงเกิดความเพียร
พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลายในชาติก่อน ท่านต้องอบรมบารมี ๑๐ ประการ ซึ่งไม่ใช่มีเพียงปัญญาเพียงอย่างเดียว คือต้องประกอบด้วย ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ฉะนั้น ในชีวิตประจำวันของผู้ที่อบรมเจริญปัญญา ควรเป็นผู้มีการสะสมความดีอย่างอื่นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การบำเพ็ญบารมีเริ่มด้วยการสร้างปัญญาอันยิ่งจนลดความเห็นแก่ตัวถึงเอื้อเฟื้อแก่ผู้สมควรด้วยทานไม่เบียดเบียนผู้อื่นจนถึงเมตตากรุณาผู้อื่นด้วยศีล ไม่เบียดเบียนตนเอง หากฝึกฝนตนด้วยเนกขัมมะ ซึ่งต้องชัดเจนในปัญญา ที่ประกอบวิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตาและอุเบกขา เป็นที่สุด หากไม่สร้างปัญญาจนเป็นอธิปัญญาก็จะไม่เกิดการสร้างสมบารมี เนื่องจากปัจจัยไม่เพียงพอ
มีความเห็นว่าความอดทน เป็นส่วนสำคัญมากในการเจริญบารมี ๑๐ ยกตัวอย่างเช่น การทำทาน เราควรอดทนที่ทำทานอย่างสม่ำเสมอตามโอกาส แต่ถ้าไม่อยู่ในฐานะที่ทำทานได้ ก็ต้องอดทนยอบรับความจริง ทำเท่าที่มี ไม่กระสับกระส่ายเดือดร้อนใจว่าเราทำมากเท่าคนอื่นไม่ได้ ถือว่าเป็นความอดทนอย่างหนึ่งนะคะ
ส่วนบารมีอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ต้องอาศัยความอดทนเป็นหลักอยู่เสมอค่ะ ลองสังเกตดูในชีวิตประจำวัน ถ้าเราอดทนต่ออะไรๆ ได้ เช่น ความชอบ ความโกรธ ความรำคาญ หรือแม้กระทั่งการอดทนทำงานหนักเอาเบาสู้ จะได้ผลดีมากกว่าผลเสียเสมอ ดังนั้น การอดทนเพียรเผากิเลสจะให้ผลเป็นกุศลอย่างสูงสุดสักเพียงใด และจะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเกิดขึ้นดับกิเลสได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉทตามลำดับขั้นค่ะ
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 49
เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ ๒
๑. มหาจุนทเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระมหาจุนเถระ
[๒๖๘] ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดี เป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้ประโยชนก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ฯลฯ
คนที่จะถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (ความรู้และความประพฤติ) จนเข้าสู่ภาวะโสดา สกทาคามี อนาคามีและอรหันต์ ที่เป็นเป้าหมายนั้น จะมีกระบวนการจัดการตนเองอย่างไรบ้างหนอ ที่จะจัดการกับผัสสะที่เข้ามาทั้ง ๖ ทาง และที่จะก่อให้เกิดกรรม ๓ ที่เป็นการลดอกุศล เพิ่มกุศล และมีจิตที่แจ่มใส และต้องอดทนต่อสิ่งที่น่าหลงใหล สวยงาม หอมหวาน ฯลฯ อย่างไรหนอ