คนมักมุ่งสติเกิดแต่ลืมเรื่องเข้าใจ
วันนี้มีชาวพม่า ๓ ท่าน กับชาวต่างชาติอีกหลายท่านมาสนทนากัน ชาวพม่า ๓ -
ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านได้นั่งสมาธิทำอานาปานะ รู้ที่ลมหายใจ เป็นหนทางลัดที่จะให้
มีสติรู้ที่กายของท่าน แล้วจะมีปัญญาเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อ
ถามท่านว่าขณะนี้มีธรรมะกำลังปรากฏอยู่ ขณะเห็นเป็นธรรมะ สิ่งที่กำลังปรากฏกับจิตเห็นเป็นธรรมะ ท่านก็ยังสับสน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นนามธรรม อะไรเป็นรูปธรรม ยังไม่
มีความเข้าใจแม้ปริยัติสัทธรรม ท่านกล่าวว่าในชีวิตประจำวันท่านเจริญสติไม่ได้ ต้องไปสู่สถานที่สงบเพื่อนั่งสมาธิ โดยกำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วจะเกิดสติรู้ที่กายนี้
รู้เวทนาที่เกิดขึ้นว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
เชิญสหายธรรมร่วมสนทนา เพื่อเป็นปะโยชน์แก่ท่านที่มุ่งสติเกิดแต่ลืมที่จะเข้าใจ
ความจริงของธรรมะที่มีอยู่จริงๆ ที่กำลังปรากฏ
ขออนุโมทนาค่ะ
ทางลัดไม่มีครับ วิธีก็ไม่มี มีแต่สภาพธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ความคิดที่จะฟัง
ธรรมก็มีเหตุปัจจัยให้เกิด การที่จะไปทำอานาปาก็เกิดจากความไม่เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจ
แล้วไปทำ ก็มีแต่ความไม่รู้เป็นผลอยู่นั่นเอง แล้วก็คิดว่าเข้าใจเป็นมิจฉาญาณ ดังนั้น
ควรเริ่มต้นจากการไม่ต้องไปทำอะไรโดยไม่เข้าใจอะไร แต่เริ่มจากการฟังธรรมจนกว่า
จะเข้าใจว่าธรรมมะคือสิ่งใด ก็จะไม่มีการไปทำอะไร แต่สติจะเกิดจากความเข้าใจเอง
จนกว่าจะรู้จริงๆ ว่าไม่มีอะไรที่เป็นเรา
คุณเมตตาถามท่านว่าขณะนี้มีธรรมะกำลังปรากฏอยู่ ขณะเห็นเป็นธรรมะ สิ่งที่กำลัง
ปรากฏกับจิตเห็นเป็นธรรมะ ท่านก็ยังสับสน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นนามธรรม อะไรเป็นรูปธรรมแต่ถ้าคุณเมตตาถามผม ผมจะตอบว่า ขณะเห็นนั้นเป็นปรมัตถ์ นามรู้รูป ๑๗ ขณะจิตกิเลสกับรูปปรมัตถ์ที่ชวนจิต ๗ ขณะ และสิ่งที่ปรากฏกับจิตต่อมาทางมโนทวารเป็นคิดนึกคือบัญญัติ ก็ทำให้เกิดกิเลสกับรูปบัญญัติอีกต่อมาด้วยผมมีความเข้าใจปริยัติสัทธรรม ไหมครับ คุณเมตตา
การเจริญสติปัฏฐาน ไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดเวลา อยู่ที่ไหนสติก็เกิดได้ และเป็น
หนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สิ้นอาสวะกิเลส ต้องอาศัยการฟังธรรม การพิจารณา
ธรรม ปัญญาจึงจะเจริญขึ้น และจะรู้ว่าไม่มีใครกำหนด มีแต่ปัญญาทำหน้าที่เองค่ะ
หลายท่านที่เคยสนทนาด้วย ท่านจะบอกว่าการดับทุกข์มีหลายทางตามจริต
แต่จริงๆ แล้วเรื่องจริตเป็นเรื่องของสมถภาวนา เพื่อข่มกิเลสตามอัธยาศัยที่สะสมมา
ให้ระงับลงพอที่จะอยู่อย่างเป็นสุขชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่การดับกิเลสอย่างเด็ดขาด
ส่วนท่านที่บอกว่าการดับทุกข์เพื่อพระนิพพานมีหลายทาง ยิ่งเป็นการคัดค้านพระ
พุทธพจน์ เพราะว่ามีหนทางเดียวเท่านั้น คือ สติปัฏฐาน (อบรมเจริญปัญญาเพื่อสติ
ปัฏฐานเกิด)
หลายท่านเปรียบนิพพานกับสถานที่ต่างๆ ว่าสามารถไปได้หลายทาง แต่ความจริง
แล้วนิพพานไม่ใช่สถานที่ คนละเรื่องกับการเดินทางของชาวโลก
เพราะไปสถานที่ต่างๆ ก็เพื่อได้ แต่ไปนิพพานเพื่อดับไม่มีเหลือ จึงมีแค่ทางเดียว
จริงๆ คือปัญญา
ถ้าจะมีการทำหรือมีวิธีการตามจริต หรือเลือกทำแนวใดแนวหนึ่ง อารมณ์ใดอารมณ์
หนึ่ง นั่นเป็นทางไปที่ผิด เพราะเข้าใจผิด