วิถีมุตตสังคหวิภาค [อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา]
อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 187
อภิธัมมัตถสังคหบาลีแปล * ปริเฉทที่ ๕ [ชื่อวิถีมุตตสังคหวิภาค] [สังคหคาถา] สังคหะที่ชื่อว่าปวัติสังคหะ ซึ่งข้าพเจ้า ได้กล่าวไว้แล้วในปวัติกาล ด้วยอำนาจ แห่งวิถีจิตอย่างนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าจะกล่าว ในปฏิสนธิกาล (คือในเวลาปฏิสนธิ) ฯ [หมวด ๔ มีภูมิ ๔ เป็นต้น] ในวิถีมุตตสังคหะ (คือการสงเคราะห์จิตที่พ้นจากวิถี) บัณฑิตพึงทราบจตุกกะ ๔ หมวด ดังนี้ คือ ภูมิ ๔ ปฏิสนธิ ๔ กรรม ๔ ความเกิดแห่งมรณะ ๔ ฯ บรรดาจตุกกะ ๔ หมวดเหล่านั้น ชื่อว่าวิสัย ภูมิแห่งเปรต ๑ อสุรกาย พวกอสุระ ๑ ฯ กามสุคติภูมิมี ๙ คือมนุสสา พวกมนุษย์ ๑ อาจถมมหาราชิกา เทวดาผู้อยู่ในชั้นจาตุมมหาราช ๑ ตาวติงสา เทวดาชั้นดาวดึงส์ ๑ ยามา เทวดาชั้นยามะ ๑ ตุสิตา เทวดาชั้นดุสิต ๑ นิมามานรดี เทวาดาชั้นนิมารดี ๑ ปรนิมมิตวสวัดดี เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัดดี "
อนึ่ง กามสุคติภูมินี้นั้น แม้มีตั้ง ๑๑ อย่าง ก็ถึงความสงเคราะห์เข้าในคำว่า "กามาวจรภูมิ" นั่นเอง ฯ รูปาวจรภูมิมี ๑๖ ชั้น คือ ภูมิแห่งทุติยฌาน (มี ๓ ชั้น) คือ ปริตตาภา ๑ อัปปมาณภา ๑ อาภัสสรา ๑ ฯ ภูมิแห่งตติยฌาน (มี ๓ ชั้น) คือ ปริตตสุภา ๑ อัปปมาณสุภา ๑ สุภกิณหา ๑ ฯ และภูมิแห่งจตุตถฌาน (มี ๓ ชั้น) คือ เวหัปผลา ๑ อสัญญีสัตตา ๑ สุทธาวาสา ๑ ฯ ภูมิแห่งสุทธาวาส (คือภพที่อยู่แห่งท่านผู้บริสุทธิ์) มี ๕ ชั้นคือ อวิหา ๑ อตัปปา ๑ สุทัสสา ๑ สุทัสสี ๑ อกนิฏฐา ๑ ฯ ภูมิแห่งอรูปาวจรมี ๔ ชั้น คือ ภูมิแห่งอากาสานัญจายตนะ ๑ภูมิแห่งวิญญาณัญจายตนะ ๑ ภูมิแห่งอากิญจัญญายตนะ ๑ ภูมิแห่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ ๑ ฯ ฯลฯ
[กำหนดอายุอบายและอายุเทวดาเป็นต้น]
บรรดาบุคคลหรืออบายเป็นต้นเหล่านั้น การกำหนดนับประมาณแห่งอายุของพวกอบาย ๔ ของพวกมนุษย์ และของพวกวินิปาติกาสูรย่อมไม่มี ฯ อนึ่ง ๕๐๐ ปีทิพย์ เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา โดยการนับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๙ ล้านปี ฯ จากนั้นเอา ๔ คูณ เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์, จากนั้นเอา ๔ คูณ เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นยามะ, จากนั้นเอา ๔ คูณ เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นดุสิต, จากนั้นเอา ๔ คูณ เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นนิมมานรดี, และเอา ๔ คูณต่อจากนั้นไปอีก เป็นประมาณแห่งอายุของเหล่าเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ฯ [สังคหคาถา] ภูมิ มี ๔ คือ อบายภูมิ ภูมิแห่งอบาย ๑ กามสุคติภูมิ ภูมิแห่งสุคติที่ปรารภกาม ๑ รูปาวจารภูมิ ภูมิที่เป็นรูปาวจร ๑ อรูปาวจรภูมิภูมิที่เป็นอรูปาวจร ๑ ฯ บรรดาภูมิ ๔ เหล่านั้น อบายภูมิมี ๔ คือ นิรยะ นรก ๑ ติรัจฉานโยนิ กำเนินสัตว์ดิรัจฉาน ๑ ปิตติ-ฯลฯ บรรดากรรม ๔ อย่างเหล่านี้ อกุศลกรรมที่เว้นจากอุทธัจจะย่อมให้เกิดปฏิสนธิ ในอบายภูมิ ฯ ส่วนในปวัติกาล อกุศลกรรม ๑๒ อย่าง แม้ทั้งหมด ย่อมเผล็ดอกุศลวิบาก ๗ ในกามโลกแม้ทั้งหมดและในอรูปโลกตามสมควร ฯ แม้กามาวจรกุศล ย่อมเกิดปฏิสนธิในกามสุคติอย่างเดียว ฯ อนึ่ง ในปวัติกาล ก็ย่อมเผล็ดมหาวิบาก และอเหตุวิบากทั้ง ๘ ในกามโลกแม้ทั้งหมด และในรูปโลกตามสมควร ฯบรรดากุศลกรรมที่ให้ผลอยู่แม้นั้น ติเหตุกกุศลกรรมอย่างสูง ให้ติเหตุกปฏิสนธิแล้ว ย่อมเผล็ดวิบาก ๑๖ อย่างในปวัติกาล, ติเหตุกกุศลกรรมอย่างต่ำ และทวิเหตุกกุศลกรรมอย่างสูง ให้ทวิเหตุกปฏิสนธิแล้วย่อมเผล็ดวิบาก ๑๒ อย่าง ที่เว้นจากติเหตุกกรรม ในปวัติกาล ฯ ส่วนทวิเหตุกกุศลกรรมอย่างต่ำ ให้ปฏิสนธิที่เป็นอเหตุกะอย่างเดียวและย่อมเผล็ดเฉพาะอเหตุกวิบากในปวัติกาลเท่านั้น ฯ
ขอเรียนถาม ดังต่อไปนี้
1.จากข้อความว่า
ส่วนในปวัติกาล อกุศลกรรม ๑๒ อย่าง แม้ทั้งหมด ย่อมเผล็ดอกุศลวิบาก ๗
ในกามโลกแม้ทั้งหมดและในอรูปโลกตามสมควร ฯ
ทำไมท่านไม่กล่าวถึงอกุศลวิบาก ใน รูปพรหมโลก
อีกประการหนึ่ง ผมเข้าใจว่า ในพรหมโลกทุกชั้น อกุศลกรรมไม่มีโอกาสจะให้ผลได้เลย
(อ้างอิง อสังขาสูตร)
2.จากข้อความว่า
อกุศลกรรมที่เว้นจากอุทธัจจะย่อมให้เกิดปฏิสนธิ ในอบายภูมิ ฯ
ในกรณีที่มรณาสันนวิถีจิต เป็นอกุศลจิตที่มีอุทธัจจะ อะไรจะนำเกิดแทน
ขอบพระคุณครับ
๑.ถูกแล้วครับ ต้องเป็นรูปพรหม ซึ่งมีโอกาสเกิดได้
๒.คำว่า อุทธัจจะในที่นี้ท่านหมายถึง โมหอุทธัจจะ ดังนั้นอกุศลที่เหลือ ๑๑ ดวง
นำเกิดได้
เรียน ทีมงาน
ผมเพิ่งรู้ว่ากระทู้นี้มีข้อความซ้ำกับกระทู้ 13264
ตอนที่ผมโพสท์คำถาม (ซ้ำเช่นกัน) ผมนึกว่าผมทำอะไรพลาด
โพสท์คำถามแล้ว แต่หายไปไหนไม่รู้ เลยถามไปใหม่ในกระทู้นั้น
และเมื่อผมถามซ้ำ ทางอ.ประเชิญ ก็กรุณาตอบซ้ำมาให้เช่นกัน
ตอนนี้จึงมีกระทู้ฝาแฝด ตั้งแต่ตัวกระทู้ คำถาม และคำตอบ
พอดีผมสงสัยอีกจึงถามต่อไปในกระทู้นั้น สองกระทู้นี้ เลยต่างกันนิดนึง