เหมวตสูตร .. ยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า
Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO
... สนทนาธรรมที่ ...
<> มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา <>
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๒๒ ส.ค. ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
เหมวตสูตร
ว่าด้วยยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า
จาก ... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ ๓๙๔
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ ๓๙๔
เหมวตสูตรที่ ๙
ว่าด้วยยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า
สาตาคิรยักษ์กล่าวว่า
[๓๐๙] วันนี้เป็นอุโบสถที่ ๑๕ ราตรีอันเป็นทิพย์ปรากฏแล้ว มาเราทั้งสองจงไปเฝ้าพระโคดม ผู้เป็นพระศาสดามีพระนามอันไม่ทรามเถิด.
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมผู้คงที่ทรงตั้งพระทัยไว้ดีแล้วในสัตว์ทั้งปวงแลหรือ พระโคดมทรงกระทำความดำริในอิฏฐารมณ์ และ อนิฏฐารมณ์ ให้อยู่ในอำนาจแลหรือ.
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
ก็พระองค์เป็นผู้คงที่ ทรงตั้งพระทัยไว้ดีแล้วในสัตว์ทั้งปวง อนึ่ง พระองค์ทรงกระทำความดำริในอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ ให้อยู่ในอำนาจแล้ว.
เหมวตยักษ์ถามว่าพระโคดมไม่ทรงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้แลหรือ ทรงสำรวมแล้วในสัตว์ทั้งหลายแลหรือ ทรงห่างไกลจากความประมาทแลหรือ ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌานแลหรือ.
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ทรงสำรวมแล้วในสัตว์ทั้งหลายและทรงห่างไกลจากความประมาท พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้วย่อมไม่ทรงละทิ้งฌาน.
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมไม่ตรัสคำเท็จเท็จหรือ มีพระวาจาไม่หยาบคายแลหรือ ไม่ตรัสคำส่อเสียดแลหรือ ไม่ตรัสคำเพ้อเจ้อแลหรือ.
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ตรัสคำเท็จ มีพระวาจาไม่หยาบคาย และไม่ตรัสคำส่อเสียด ตรัสคำที่เป็นประโยชน์อย่างเดียว เพราะทรงกำหนดด้วยพระปัญญา.
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมไม่ทรงยินดีในกามทั้งหลายแลหรือ พระหฤทัยของพระโคดมไม่ขุ่นมัวแลหรือพระโคดมทรงล่วงโมหะได้แล้วหรือ พระโคดมทรงมีพระจักษุในธรรมทั้งหลายแลหรือ.
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ทรงยินดีในกามทั้งหลาย และพระหฤทัยของพระองค์ไม่ขุ่นมัว พระองค์ทรงล่วงโมหะได้ทั้งหมด พระองค์ตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระจักษุในธรรมทั้งหลาย.
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมทรงถึงพร้อมแล้ว ด้วยวิชชาแลหรือ ทรงมีจรณะบริสุทธิ์แลหรือ อาสวะทั้งหลายของพระองค์นั้นสิ้นไปแล้วแลหรือ ภพใหม่ไม่มีแลหรือ.
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ทรงถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชา และทรงมีจรณะบริสุทธิ์ อาสวะทั้งหลายของพระองค์สิ้นไปหมดแล้ว ภพใหม่ของพระองค์ไม่มี.
เหมวตยักษ์กล่าวว่า
พระหฤทัยของพระโคดมผู้เป็นมุนีถึงพร้อมแล้ว ถึงพร้อมแล้วด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม มาเราทั้งสองจงไปเฝ้าพระโคดมผู้ทรงถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะกันเถิด.
เหมวตยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มาเถิด เราจงไปเฝ้าพระโคดมผู้มีพระชงฆ์เพียงปลีแข้งเนื้อทรายผู้ซูบผอม เป็นนักปราชญ์ มีพระกระยาหารน้อย ไม่โลภ เป็นมุนีทรงฌานอยู่ในป่า เราเข้าไปเฝ้าพระโคดม ผู้ดุจราชสีห์ เสด็จเที่ยวไปพระองค์เดียว ไม่เสด็จมาสู่ภพใหม่ ไม่มีความห่วงใย ในกามทั้งหลาย แล้วจงทูลถามถึงธรรม เป็นเครื่องพ้นจากบ่วงมาร เราจงทูลถามพระโคดมผู้ตรัสบอก ผู้ทรงแสดง ผู้ทรงถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ผู้ตรัสรู้แล้วผู้ทรงล่วงเวรภัยได้แล้ว.
เหมวตยักษ์ทูลถามว่า
เมื่ออะไรเกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น โลกย่อมกระทำความเชยชิดในอะไร โลกยืดถืออะไรเมื่ออะไรมี โลกจึงเดือดร้อน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ดูก่อนเหมวตะ เมื่ออายตนะภายในและภายนอก ๖ เกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น โลกย่อมกระทำความเชยชิดในอายตนะภายในและภายนอก๖ โลกยึดถืออายตนะภายในและภายนอก ๖ นั่นแหละเมื่ออายตนะภายในและกายนอก ๖ มี โลกจึงเดือดร้อน.
อุปาทานที่เป็นเหตุให้โลกต้องเดือดร้อนเป็นไฉน ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์ตรัสบอก ซึ่งธรรมชาติเป็นเครื่องออกจากโลกบุคคลจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร.
กามคุณ ๕ ในโลก มีใจเป็นที่ ๖ เราประกาศแล้ว บุคคลคลายความพอใจในกามคุณ ๕นี้ได้แล้วย่อมพ้นจากทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนี้ เราบอกซึ่งธรรมชาติเป็นเครื่องออกจากโลกนี้ ตามความเป็นจริงแก่ท่านทั้งหลายแล้ว ถ้าแม้ท่านทั้งหลายพึงถามเราพันครั้ง เราก็จะบอกข้อนี้แก่ท่านทั้งหลาย เพราะบุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ได้ ด้วยอาการอย่างนี้.
ในโลกนี้ใครเล่าข้ามโอฆะได้ ในโลกนี้ใครเล่าข้ามอรรณพได้ ใครย่อมไม่จมลงในอรรณพที่ลึกซึ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว.
ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยศีล มีปัญญา มีใจตั้งมั่นดีแล้ว มีความหมายรู้ ณ ภายใน มีสติทุกเมื่อ ย่อมข้ามพ้นโอฆะที่ข้ามได้แสนยาก ผู้นั้นเว้นจากกามสัญญา ล่วงสังโยชน์ทั้งปวงเสียได้มีความเพลิดเพลินและภพหมดสิ้นแล้ว ย่อมไม่จมลงในอรรณพ คือ สงสารอันลึก.
เชิญท่านทั้งหลาย ดูพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระปัญญาลึกซึ้ง ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ไม่มีความกังวล ไม่ข้องแล้วในกามภพ พ้นวิเศษแล้วในอารมณ์ทั้งปวง ทรงดำเนินไปในทางอันเป็นทิพย์ ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่ เชิญท่านทั้งหลายดู พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นผู้มีพระนามไม่ทราม ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ผู้ทรงให้ปัญญา ไม่ข้องแล้วในอาลัยในกาม ทรงรู้ธรรมทั้งปวง มีพระปัญญาดีทรงดำเนินไปในทางอันเป็นอริยะ ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่.
วันนี้เราทั้งหลายเห็นดีแล้วหนอ สว่างไสวแล้ว ตั้งขึ้นดีแล้ว เพราะเราทั้งหลาย ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้ทรงข้ามโอฆะได้แล้ว หาอาสวะมิได้.
ยักษ์หนึ่งพันทั้งหมดเหล่านี้ มีฤทธิ์ มียศย่อมถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นสรณะด้วยคำว่า พระองค์เป็นพระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักขอนอบน้อมซึ่งพระสัมพุทธเจ้า และความที่พระธรรมเป็นธรรมดี เที่ยวไปจากบ้านสู่บ้าน จากภูเขาสู่ภูเขา.
จบเหมวตสูตรที่ ๙
ยักษ์ตนนี้ไม่ใช่ยักษ์ธรรมดาเป็นยักษ์ที่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระ
อริยบุคคล......ขออนุโมทนาค่ะ
ขอถามเพิ่มเติมครับ
ทราบมาว่า ยักษ์ เป็นตัวละครในวรรณคดี เท่านั้น แต่ในเหมวตสูตร บอกว่ามียักษ์จำนวนมาก อยากทราบว่าภพภูมิที่ยักษ์อาศัยอยู่เป็นอย่างไร เป็นเทวดาหรีอ เป็นเปรตหรือเป็นอสุรกาย
ทำไมถึงฟังธรรมะเข้าใจด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป เหมวตสูตร (ว่าด้วยยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า)
สาตาคิรยักษ์ ชักชวนเหมวตยักษ์ซึ่งเป็นเพื่อนกันให้ได้มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าและฟังพระธรรมของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้เหมวตยักษ์จึงถามสาตาคิรยักษ์ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีคุณความดีอะไรบ้าง จึงเป็นเหตุให้สาตาคิรยักษ์มีความประสงค์ให้ตนได้เข้าไปเฝ้า, สาตาคริยักษ์ จึงได้พรรณนาพระคุณประการต่างๆ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้กับเหมวตยักษ์ฟัง เช่น พระองค์ ทรงเป็นผู้คงที่ ทรงมีพระทัยสม่ำเสมอในสัตว์ทั้งปวง, ไม่ทรงยินดียินร้ายในอารมณ์ที่น่าปรารถนาและไม่น่าปรารถนา, ไม่ทรงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้, ทรงสำรวมแล้วในสัตว์ทั้งหลาย, ทรงห่างไกลจากความประมาท, ไม่ตรัสคำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ, ไม่ทรงยินดีในกาม, ทรงมีพระทัยไม่ขุ่นมัว, ทรงล่วงโมหะได้แล้ว, ทรงมีพระจักษุในธรรมทั้งหลาย,ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ, ทรงมีอาสวะสิ้นไปแล้ว ภพใหม่ของพระองค์ไม่มี เป็นต้น ในตอนท้ายของพระสูตร เหมวตยักษ์ ทูลถามปัญหากับพระผู้มีพระภาคเจ้า หลายข้อด้วยกัน เช่น เมื่ออะไรเกิด โลกจึงเกิดขึ้น, โลกย่อมทำความเชยชิดในอะไร, โลกยึดถืออะไร, เมื่ออะไรมี โลกจึงเดือดร้อน พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า เมื่ออายตนะภายใน ภายนอก ๖ เกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น, โลก กระทำความเชยชิดในอายตนะภายใน ภายนอก ๖, โลก ยึดถืออายตนะภายใน ภายนอก ๖, เมื่ออายตนะภายใน ภายนอก ๖ มี โลกจึงเดือดร้อน เป็นต้น * * * * * * * * * * * * * * * * * จากความคิดเห็นที่ ๒
ยักษ์ เป็นสัตว์โลกอยู่ในเทวภูมิชั้นแรก คือ ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่ยักษ์ได้ฟังธรรมและบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล ก็เพราะท่านได้สะสมเหตุที่ดีมา ได้มีการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ อบรมเจริญปัญญา มาเป็นระยะเวลาอันยาวนานตัวอย่างยักษ์ที่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลมีมากมาย เช่น อาฬวกยักษ์ สาตาคิรยักษ์เหมวตยักษ์ พร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวาร เป็นต้น (โดยศัพท์แล้ว ยักษ์ หมายถึง ผู้อันบุคคลควรบูชา ครับ) ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...