ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร
แต่ละบุคคลที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกพ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ บุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา หรือญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถเป็นที่พึ่ง สามารถช่วยเหลือทำกิจต่างๆ ให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตายมาถึง บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วยต้านทานไว้ได้เลย
ดังนั้น ในเมื่อทุกคนต้องตายอย่างแน่นอน จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่า ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร เรื่องตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นเพียงจิตขณะเดียว ที่เกิดขึ้นทำให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ขณะนี้จิตที่ว่านั้น (จุติจิต) ยังไม่เกิด แต่จะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่มีใครทราบได้ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ จึงเป็นขณะที่สำคัญ ดังนั้น การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมกุศลในชีวิตประจำวัน ตามกำลัง ย่อมเป็นสิ่งที่สมควร
ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร
ทรัพย์ที่มีค่าของผู้ที่เรือนถูกไฟไหม้ คือ ทรัพย์ที่นำออกจากกองไฟไปได้ ทรัพย์ที่มีค่าของผู้ที่มีความตายเป็นเบื้องหน้า คืออริยทรัพย์อันได้แก่ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา หิริ และ โอตตัปปะ
ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร
ขออนุโมทนาครับ
ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร?
สิ่งที่สำคัญคือขณะนี้ ไฟกำลังไหม้ศีรษะอยู่ ก็ยังไม่รู้ ก็ยังประมาทอยู่ ยังคงเพลิดเพลินอยู่ ขณะที่เพลิดเพลินอยู่ทุกขณะรู้หรือไม่ว่าสังสารวัฎฎ์ก็ยึดยาวต่อไปอีก ... ขณะนี้ประมาทไม่ได้เลย ถึงเวลาที่จะฟังพระธรรม อบรมเจริญความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีอยู่จริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ เพื่อละความไม่รู้ ปัญญาที่ค่อยๆ อบรมขึ้นย่อมมีความละอาย เกรงกลัวต่ออกุศลกรรม ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสที่มีอยู่อย่างมากมาย และไม่ประมาทที่จะอบรมเจริญกุศลทุกประการก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ ...
จำมาจากพระไตรปิฎกว่า
การเกิดเป็นมนุษย์ แสนยาก การเกิดมาพบพระพุทธเจ้าแสนยาก การเกิดมาพบพระธรรมของพระพุทธเจ้าแสนยาก สมควรยิ่งที่ต้องสิกขาธรรมให้ยิ่งยวดทั้งที่สมอง วัยยังอำนวยให้
อีกประการ พระอภิธรรมนั้น ทำให้ผู้ฟังบรรลุธรรมมากมาย และหากสามารถฟังธรรมจนบรรลุโสดาบันได้ จะสามารถกั้นมิให้ไปปฏิสนธิในอบายภูมิได้ แม้ว่าจะยากก็ต้องเริ่มต้นและพากเพียรค่ะ ต้องมีกัลยาณมิตรในธรรมคือพระพุทธเจ้า พระธรรม คือพระไตรปิฎก อรรถกถาจารย์ต่างๆ เริ่มต้นที่การสร้างกุสลกัมบถ ๑๐ อย่างถูกต้องตามพระธรรมวินัย ชาตินี้ได้เป็นคนที่มีโอกาสสิกขาธรรม ยังไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดเป็นอะไร น่ากลัวนะ
ขออนุโมทนาทุกท่าน
ได้รับฟังการอบรมธรรม เข้าใจว่า ชาตินี้เป็นผล (วิปาก) ของอดีตชาตื แต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของคนเราชาตินี้สิที่เป็นทางผ่านให้ สิ่งที่รับรู้รับทราบผ่านอวัยวะเหล่านี้ไปก่อเกิดภพชาติอีกไม่จบสิ้น คำถามคือ ทำอย่างไรจะพ้นการก่อภพชาติ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ธรรมอันเป็นทางพ้นจากวัฏฏสงสารคือการก่อภพชาติแล้ว และทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎกแล้วมากกว่า ๒๖๐๐ ปี ในสมัยปัจจุบัน คนมีทั้งคอมพิวเตอร์ มี mp3 mp 4 youtube internet
เรียกได้ว่า คน มีอิทธิฤทธิ์ ที่จะสื่อสาร กันมากกว่า ยุค ๑๐๐ ปี ก่อน เป็นโอกาสดีมากๆ ที่คนจะมาสิกขาพระธรรม กันให้จริงๆ จังๆ ไม่ว่าโลกใบนี้จะแตกไม่แตก แต่เวลาทุกคนเหลือน้อยลงตามวัยแล้ว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะได้เกิดมา มี ตา หู สมอง เป็นคน ที่สามารถเรียนและสิกขาพระธรรมได้ หรือมีโอกาสพบพระพุทธศาสนา จำเป็นที่ชาติปัจจุบันต้องสะสมบุญตามบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เพื่อเป็นการสร้างกุสลวิปากให้ชาติในอนาคตได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนาอีก
โลกเราทุกวันนี้ มีอุบัติภัยมากมาย สงครามก็กำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ ทุกหัวมุมโลกก็ว่าได้ ประเทศไทยที่ว่าเป็นเมืองยิ้ม ก็มีการประหัตประหารกันทั้งด้วยอาวุธ ด้วยระเบิดด้วยวาจา เด็กๆ วัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทั้งการเสพยา มีบุตรก่อนวัยทำงาน ท่านที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หัวหน้าชุมชน อย่านิ่งนอนใจเลย สังคมไทยกำลังมีไฟโลกันต์ (คือไฟโลภะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ) โหมอยู่เวลานี้ ขอให้ท่านตระหนักถึงไฟนี้ แล้วหันมาฟังธรรมและช่วยกันประคับประคองพระพุทธศาสนา ช่วยกันสร้างสังคมชาวพุทธ ให้เป็นแบบอย่าง ต่อไป หาไม่ เวลาผ่านไป จะทอดถอนใจอเนจอนาถกับสังคมโดยรอบ ก็สายเกินกาลแล้ว
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 453
ชนเหล่าใด เกิดในมนุษยโลกแล้ว เมื่อพระตถาคตทรงประกาศสัทธรรม ไม่เข้าถึงขณะ ชนเหล่านั้นชื่อว่าล่วงขณะ ชนเป็นอันมากกล่าวเวลาที่เสียไปว่า กระทำอันตรายแก่ตน พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดงสัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก
ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาล ดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย เพราะ บุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป พากันยัดเยียดใน นรก ก็ย่อมเศร้าโศก หากเขาจะไม่สำเร็จอริยมรรค อันเป็นธรรมตรงต่อสัทธรรมในโลกนี้ได้เขาผู้มีประโยชน์อันล่วงเสียแล้ว จักเดือดร้อนสิ้นกาลนาน เหมือนพ่อค้าผู้ปล่อยให้ประโยชน์ล่วงไป เดือดร้อนอยู่
ฉะนั้น คนผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อไว้ พรากจากสัทธรรม จักเสวยแต่สงสารคือ ชาติและมรณะสิ้นกาลนาน ส่วนชนเหล่าใด ได้อัตภาพเป็นมนุษย์แล้ว เมื่อพระตถาคตประกาศสัทธรรม ได้กระทำแล้ว จักกระทำ หรือ กระทำอยู่ ตามพระดำรัสของพระศาสดา ชนเหล่านั้นชื่อว่าได้ประสบขณะ คือ การประพฤติพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยมในโลก ชนเหล่าใด ดำเนินไปตามมรรคา ที่พระตถาคตเจ้าทรงประกาศแล้ว สำรวมในศีลสังวรที่พระตถาคตเจ้าผู้มีจักษุเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้ว คุ้มครองอินทรีย์ มีสติทุกเมื่อ ไม่ชุ่มด้วยกิเลส ตัดอนุสัยทั้งปวงอันแล่นไปตามกระแสบ่วงมาร ชนเหล่านั้นแล บรรลุความสิ้นอาสวะถึงฝั่ง คือ นิพพานในโลกแล้ว.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอขอบพระคุณท่านผู้รู้และมีปัญญาที่นำความคิดเห็นดีๆ มาให้อ่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ