ทำพิธีเผาศพวันศุกร์ได้หรือไม่ครับ
ในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าการทำกิจการงานทุกอย่างไม่ต้องเลือกวัน หรือฤกษ์ดี เวลาดีเมื่อมีโอกาสหรือสะดวกควรทำโดยไม่ต้องรอ ฉะนั้นแม้งานเผาญาติที่ล่วงลับไปแล้วถ้าเราสะดวกวันไหนเมื่อไหร่ควรทำเมื่อนั้น ถ้ามัวไปเชื่อเรื่องวันดีไม่ดีหรือรอวันดี ทำให้เสียเวลาทำกิจการงานได้ ความจริงความดีหรือไม่ดีอยู่ที่จิตใจ ถ้าเวลาใดใจเป็นกุศล เวลานั้น วันนั้นชื่อว่าเป็นเวลาดี และวันดี สรุป คือ ถ้าเราเชื่อมั่นพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เราต้องไม่ถือเรื่องฤกษ์ยาม เวลา เวลา เพราะพระอริยทั้งหลายท่านไม่สอนให้เชื่ออย่างนั้น
ธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม คือ ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ สิ่งที่มีจริงๆ ก่อนการตรัสรู้ ไม่มีใครพบว่าเป็นธรรมะ เพราะเห็นว่าเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเรา เป็นเขา เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ แต่เมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ตรัสรู้ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่สัตว์ บุคคล ไม่ใช่วัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เที่ยง แต่ลักษณะของธรรมนั้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งจะต้องค่อยๆ ไตร่ตรองตามลำดับ ควรศึกษาพระธรรมให้เข้าใจดีกว่าการถือเรื่องฤกษ์ยาม
การเผาศพสาเหตุที่มีการเผาหรอกกับเผาจริงเพราะอะไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตของบุคคลผู้ที่มาในโลกนี้ ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ เกิดเป็นบุคคลในภพใหม่ชาติใหม่ต่อไป (ตราบใดที่ยังมีกิเลส) ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ผู้ที่เป็นญาติหรือบุคคลรอบข้างก็นำศพอันปราศจากจิต ไปเผา หรือทำฌาปนกิจ (ทำกิจคือการเผา) คำว่า ฌาปนกิจ นี้ มีในพระไตรปิฎก ซึ่งก็เป็นการเผาศพธรรมดา ไม่มีการเผาหลอกแต่อย่างใดทั้งสิ้น ครับ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้า ๔๓ พราหมณ์ ทำฌาปนกิจสรีระมาณพนั้นแล้ว ได้มีแต่การร้องให้เป็นเบื้องหน้า, ไปที่ป่าช้า ทุกวันๆ ร้องให้พลางบ่นพลางว่า "เจ้าลูกคนเดียวของพ่ออยู่ที่ไหน? เจ้าลูกคนเดียวของพ่ออยู่ที่ไหน?"
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ -หน้า๓๘๘
" ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้ มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้ ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น " ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...