วิปัสสนา คืออะไร

 
sutassangsri
วันที่  25 ก.ย. 2552
หมายเลข  13693
อ่าน  3,544
วิปัสสนาเหมือนกับการพิจารณาอะไรอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งใช่หรือไม่

  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ย. 2552

วิปัสสนา หมายถึงปัญญาที่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพียงขั้นการ

ฟังธรรมให้เข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏยังยากเลย กว่าจะอบรมสติปัฏฐาน

ให้ถึงขั้นวิปัสสนาต่างๆ ยิ่งยากกว่า ต้องสะสมปัญญามากๆ กว่าจะถึงวิปัสสนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 27 ก.ย. 2552

ขออนุญาตค่ะ

จริงหรือไม่คะที่ ผู้ที่เจริญกรรมฐาน สามารถที่จะอุทิศบุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ในทุกภพภูมิ ถ้าอย่างนั้น การที่เราดูจิตอยู่เนืองๆ บุญนี้ก็สามารถอุทิศให้แก่พ่อแม่ที่ยังมีชีวิต แต่ยังไม่มีความสนใจที่จะปฏิบัติได้เช่นกัน ใช่หรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 27 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรียนความเห็นที่ 3

สำหรับคนมีชีวิต ไม่ใช่การอุทิศแต่เป็นการบอกกล่าวให้อนุโมทนา ที่สำคัญหากท่านไม่รู้ ท่านก็ไม่เกิดอนุโมทนา (กุศลจิต) กุศลจิตของใครก็ของคนนั้น เอามาช่วยกันไมได้ กุศลจิตของบิดา มารดาจะเกิดเมื่ออนุโมทนา

ประการที่สำคัญที่สุด หากไม่ใช่กุศลแต่สำคัญว่าเป็นกุศล แม้เราจะบอกท่าน คนที่อนุโมทนาพลอยยินดีก็ยินดีในสิ่งที่ผิดก็ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่การอนุโมทนา เพราะการอนุโมทนาต้องเป็นไปในฝ่ายกุศลเท่านั้น

จึงควรพิจารณาในสิ่งที่เราทำ แม้ในเรื่องการดูจิต ว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องหรือไม่ เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องหรือไม่ ขอให้รับฟังเหตุผลโดยลองคลิกอ่านที่นี่ครับ

การดูจิต

วิธีการดูจิตเป็นทางลัดรึเปล่าครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ดู ไม่ใช่สติปัฏฐาน นึกคิดในสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการดู แต่ไม่ใช่สติปัฏฐาน สติปัฏฐาน

เป็นสติที่เกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยมีปัญญาเกิดร่วมด้วย โดยรู้ว่าเป็นธรรม

ไม่ใช่เรา การตามดูกับสติปัฏฐานที่เกิดจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ เพราะไม่ใช่ความ

รู้สึกแต่เป็นเรื่องของปัญญาว่าขณะนั้นปัญญารู้อะไร สำคัญตรงนี้ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 20 ต.ค. 2552

ถ้าคิดหาอุบาย ก็ยังคงเป็นตัวตนที่ไปกำหนดรู้ มีหนทางเดียว คือ การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการอบรมให้เข้าใจความจริงที่มีอยู่จริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ โดยไม่ใช่

ไปคิดถึงเรื่องราวว่าอะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม แต่เป็นการอบรมเจริญความเห็นถูกใน

สภาพธรรมที่กำลังปรากฏจนกว่าปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ในลักษณะรูปธรรม และนามธรรม

จริงๆ โดยไม่มีตัวตนที่ไปรู้ไปกำหนด เพราะสติก็เป็นอนัตตา การฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรมนั้น ควรพิจารณาในเหตุผลของพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า

สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีใครจะไปบังคับให้สภาพธรรมใดเกิดได้ สภาพ

ธรรมเกิดขึ้นล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่ออบรมเจริญเหตุตรง ผลย่อมเกิดขึ้นสมควรแก่

เหตุนั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
toangsg
วันที่ 22 ต.ค. 2552
ผู้ใดเห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นการดับไปของกิเลสกรรมวิบาก
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 28 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ ยินดีรับฟังความคิดเห็นค่ะ

ขอยอมรับค่ะว่า เรื่องความเข้าใจใจธรรมะยังอ่อนอยู่มาก เรื่องที่สงสัยไม่เข้าใจก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่จะพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจให้มากขึ้นค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ