ธรรมะในการดำเนินชีวิตข้อใด

 
dhammakatjoe
วันที่  28 ก.ย. 2552
หมายเลข  13746
อ่าน  2,787

จะต้องใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิตข้อใด หากชีวิตปัจจุบันแวดล้อมด้วยคนเห็นแก่ตัว

และถูกเอาเปรียบเสมอๆ จิตใจไม่สงบ พยายามระงับแต่บางครั้งทำใจไม่ได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pornpaon
วันที่ 28 ก.ย. 2552

เรียนพระคุณเจ้า

ขออณุญาตสนทนา ไม่ใช่การตอบคำถามหรือเป็นคำแนะนำนะคะ

คงกล่าวว่า ใช้ธรรมะ ข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ค่ะ

นอกจากทราบตามความเป็นจริงว่า

วันๆ หนึ่ง ทุกชีวิตย่อมพบเจอทั้งเรื่องชอบใจและไม่ชอบใจ

ความอดทนต่ออกุศลทั้งมวล และเข้าใจสภาพของอกุศลธรรม

ที่กำลังเกิดขึ้น (กับตน) เท่าที่เข้าใจ เท่าที่เป็นไปได้ ก็พอที่จะดำเนินชีวิตไปได้ค่ะ

เพราะจริงๆ แล้ว ธรรมะ คือทุกขณะ แต่จะรู้ถูกเข้าใจถูกรึเปล่าเท่านั้น

จะห้ามคนชอบเอาเปรียบให้หยุดเอาเปรียบคงเป็นไปได้ยาก

แต่การเข้าใจว่าแต่ละชีวิตย่อมสะสมนิสัยดีเลวต่างๆ มาแตกต่างกันไป ก็จะอภัยได้

การพยายามระงับ ต่างกับการเข้าใจว่ากำลังมีความขุ่นใจ แล้วเห็นโทษของความโกรธ

จึงค่อยๆ โกรธน้อยลง เว้นระยะได้ห่างขึ้น แต่จะไม่ให้เกิดขึ้นเลยคงยังไม่ได้

และจะระงับความขุ่นใจได้จริงๆ ก็เมื่อเป็นพระอนาคามีเท่านั้นค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 28 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ที่ไม่สงบก็เพราะกิเลสของตนเอง หากไม่มีกิเลสแล้ว บุคคลอื่นใครเล่าจะทำอะไรได้ ไม่สงบเพราะกิเลส ธรรมที่จะทำให้สงบจากกิเลสคือความเห็นถูกนั่นคือปัญญา ซึ่งก็ต้องมีเหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญคือการศึกษาพระธรรม แต่ปัญญาจะเจริญขึ้นก็ทีละน้อยและไม่ใช่ใช้ระยะเวลาเล็กน้อย แต่ต้องอบรมเป็นเวลานานครับ

ธรรมและปัญญาคงไม่ใช่อาหารจานด่วนที่จะเรียกใช้และทานได้ทันทีหรือบอกให้

ทำตามแล้วจะทำได้ เพราะสะสมความไม่รู้และกิเลสมามากมาย กิเลสจึงต้องละเป็นขั้นๆ ด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น คงเป็นไปไมได้ที่จะทำให้ใจสงบทันทีเพราะปัญญายังน้อย แต่ขอให้เริ่มศึกษาธรรมในหนทางที่ถูก โดยเริ่มจากคำว่าธรรมคืออะไร ให้เข้าใจความจริง เมื่อเข้าใจความจริงมากขึ้น ก็จะรู้ความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่ความไม่สงบก็เป็นธรรมไม่ใช่เรา แต่เพราะคุณยึดถือว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นเราที่ไม่สงบก็เพราะไม่รู้ความจริง จึงเดือดร้อนเช่นนี้

ไม่มีวันที่จะระงับความเดือดร้อนด้วยตัวเราที่ไม่รู้ แต่ระงับความดือดร้อนด้วยปัญ-

ญา เริ่มจากเข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ลองศึกษาในกระดานสนทนานี้ รวมทั้งไฟล์

ธรรมที่มีในเวปนะครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Sam
วันที่ 29 ก.ย. 2552

ขออนุญาตสนทนาด้วยคนครับ ผมคิดว่าหากเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีครั้งหนึ่ง แต่

เราคิดถึงเหตุการณ์นั้นหลายครั้ง จนทำให้เศร้าเสียใจอย่างหนัก นี่คือการที่เราทำร้าย

ใจตนเอง ซึ่งเราก็บังคับความคิดตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าหากได้ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจ

ความจริงว่า ชีวิตคือแต่ละขณะสั้นๆ ขณะนี้ขณะที่ดับไปแล้วเป็นอันดับไปแล้ว และ

ขณะที่ยังไม่มาถึงก็ยังไม่มาถึง ดังนั้น จึงควรพิจารณาว่าขณะนี้กำลังมีเหตุการณ์ที่ไม่ดี

เกิดขึ้นจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงความคิดของเราถึงเหตุการณ์ที่ไม่ดีนั้น ซึ่งจะช่วยให้เรา

รู้ว่า เรื่องที่ไม่ดีเหล่านั้นที่ดูเหมือนจะมาก และมีอยู่ตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วมีเมื่อเรา

คิดถึงมันเท่านั้นเองครับ (สำหรับท่านผู้มีปัญญามาก แม้แต่ในขณะที่กำลังเกิดเหตุ-

การณ์ร้ายกับท่าน ท่านเหล่านั้นก็ยังมีความคิดที่แยบคายและไม่โทษว่าความทุกข์ทั้ง

หลายเกิดจากผู้อื่นเลยครับ)

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 29 ก.ย. 2552

ให้มั่นคงในเรื่องของกรรม ทำดีได้ดี ทำขั่วได้ชั่ว ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
dhammakatjoe
วันที่ 30 ก.ย. 2552

สาธุ กราบอนุโมทนา และขอขอบพระคุณในทุกความเห็นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ขออภัยนะคะ ดิฉันเข้าใจผิด ด่วนคิดว่าเป็นภิกษุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 3 ต.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะธรรมฝ่ายดีเท่านั้น แต่สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นธรรม อกุศลก็เป็นธรรม แต่เป็นธรรมฝ่ายไม่ดี ให้ผลเป็นทุกข์ แต่ก็เป็นธรรมที่ควรรู้ตามความเป็นจริงแล้วค่อยๆ ขัดเกลาให้เบาบางลง และโดยปกติของปุถุชน ย่อมมีอกุศลมากด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าเขา ไม่ว่าเรา สำหรับบุคคลที่เป็นคนไม่ดีทำในสิ่งที่ไม่ดี มีจิตใจที่ปราศจากคุณธรรม ชอบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นต้น ก็เพราะเขาสะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น เมื่อเขาเสพคุ้นกับความไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีโอกาสที่จะคล้อยตามในสิ่งที่ไม่ดีได้มากทีเดียว เหตุย่อมสมควรแก่ผล เมื่อทำเหตุที่ไม่ดีไว้ผลที่ไม่ดีก็ย่อมเกิดขึ้น เป็นความจริงที่สุดว่า สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ใครทำกรรมอะไรไว้ ก็ย่อมจะได้รับผลของกรรมนั้น เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจความจริงอย่างนี้ ก็จะไม่เกิดความไม่พอใจ ความโกรธ ความอาฆาต เมื่อถูกผู้อื่นกระทำในสิ่งที่ไม่ดีให้ (แท้ที่จริงไม่มีใครทำให้ ถ้าไม่ใช่กรรมของเราเอง ถึงคราวให้ผล) เพราะเหตุว่าการกระทำของบุคคลอื่นไม่เป็นประมาณ ที่สำคัญ คือ รักษาใจของตนเอง ไม่ให้เป็นอกุศลประการต่างๆ ทั้งการโกรธตอบ การไม่มีเมตตา การผูกอาฆาตพยาบาท เป็นต้น รวมไปถึงอกุศลประการอื่นๆ ด้วย ซึ่งพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องฝึกที่ดี ดังนั้นการได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก นั้น จึงเป็นประโยชน์เกื้อกูลในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ละอกุศล และเจริญกุศลยิ่งขึ้นสามารถดำเนินชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรได้ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ