สัมมาสติ มีกี่ขั้นครับ มีกีระดับครับ ทำงานต่างกันด้วยไหมครับ

 
natthaset
วันที่  30 ก.ย. 2552
หมายเลข  13776
อ่าน  1,966

ถ้าจะกรุณา ขอแค่เป็นแนวทางให้ศึกษาต่อ ก็พอครับ เพราะในปัจฉิมโอวาท ของ

พระพระพุทธองค์ ตรัสโดยใจความว่า "จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม" คำว่า ไม่

ประมาท หมายความว่า มีสติ ใช่ไหมครับ สติของปุถุชน กับ อริยชน เป็นสภาวธรรมอันเดียวกันใช่ไหมครับ รู้ตัวเดียวกัน ในแต่ละระดับนั้นๆ ใช่ไหมครับ

และการกำหนดรู้วาระจิตแต่ละขั้นได้ และสามารถตัดวงจรกิเลสได้ เป็นปัญญาขั้นที่มีสติระดับแบบไหนครับ

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 30 ก.ย. 2552

ตามนัยของพระธรรม สัมมาสติ จำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ เป็น ๒ ระดับ คือ ระดับโลกียะ ๑ ระดับโลกุตตระ ๑ ระดับโลกียะก็มีหลายระดับ ตั้งแต่ขั้นทานศีล ภาวนา แม้ขั้นภาวนาสัมมาสติ มีตั้งแต่ขั้นเริ่มอบรม ขั้นเริ่มมีกำลัง และขั้นที่มีกำลังมาก ความไม่ประมาท หมายความถึง ขณะที่มีสติ เป็นกุศล และสติ

ของปุถุชนหรือของพระอริยะก็หมายถึงสติเจตสิก แต่ความละเอียดของสติของ

พระอริยเจ้าย่อมต่างจากปุถุชน เพราะปัญญาของท่านมีกำลังมากกว่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ย. 2552

ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกอย่าง ฟังธรรมทุกวัน อบรมเจริญสติปัฏฐาน

เพราะชีวิตของมนุษย์สั้น อยู่ได้นานก็ไม่เกินร้อยปีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 30 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระพุทธเจ้าทรงยังธรรมทั้งปวงที่ทรงแสดงตลอด 45 พรรษา รวมในบทเดียวคือ

ความไม่ประมาทนั่นคือ การมีสติหรือไม่หลงลืมสตินั่นเอง ดังนั้นพระธรรมตลอด 45

พรรษาจึงเป็นไปในกุศลทุกประการ (กุศลย่อมมีสติเกิดร่วมด้วยเสมอ)

ส่วนสติของปุถุชนและพระอริยบุคคลนั้น ลักษณะของสตินั้นไม่เปลี่ยนไม่ว่าจะเกิด

กับบุคคลใด คือทำกิจหน้าที่ระลึก แต่ต่างกันที่กำลังของสติ สติของผู้มีปัญญามากก็

ย่อมมีกำลังมากกว่าสติของผู้มีปัญญาน้อย ซึ่งถ้าเป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐานแล้ว

เป็นโลกียะ ก็ต้องรู้ตัวเดียวกันคือปรมัตถธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป แต่ถ้าเป็นสติของ

พระอริยที่เกิดในมรรคจิตหรือผลจิตก็ต้องมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ต่างกับปุถุชนที่จะ

ไม่มีสติที่จะไปรู้ตัวนิพพานได้เลยครับ ดังนั้นจึงรู้ต่างกันตามสติที่เกิดร่วมกับจิตคนละ

ประเภทครับ

ส่วนคำถามที่ว่า

และการกำหนดรู้วาระจิตแต่ละขั้นได้ และสามารถตัดวงจรกิเลสได้ เป็นปัญญาขั้นที่มีสติระดับแบบไหนครับ

คงต้องตีความคำว่ากำหนดรู้วาระจิตก่อน เพราะการกำหนดรู้วาระจิตผู้ที่อบรมฌาน

อย่างคล่องแคล่วก็สามารถรู้วาระจิตได้ แต่ฌานไม่สามารถดับกิเลสได้เลยครับ ส่วน

การดับกิเลสได้ต้องอบรมปัญญา ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐานจนถึงปัญญาขั้นมรรคจิต

ซึ่งขณะนั้นไม่ได้กำหนดรู้วาระจิตแต่มรรคจิตเกิดขึ้นมีนิพพานเป็นอารมณ์จึงดับกิเลส

ได้ครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthaset
วันที่ 1 ต.ค. 2552

นมัตถุ พุทธานัง นมัตถุ โพธิยา

อนุโมทนา ขอบคุณครับ

"ฌานไม่สามารถดับกิเลสได้ การดับกิเลสได้ต้องอบรมปัญญา"

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthaset
วันที่ 1 ต.ค. 2552

การเจริญสติปัฏฐานจนถึงปัญญาขั้นมรรคจิต ซึ่งขณะนั้นไม่ได้กำหนดรู้วาระจิตแต่มรรคจิตเกิดขึ้นมีนิพพานเป็นอารมณ์จึงดับกิเลสได้

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 2 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 3 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ