บุคควรที่ควรเสพ...บุคคลที่ไม่ควรเสพ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นัน
ว. ถ้าเราจำเป็นจะต้องเข้าไปรวมอยู่ในกลุ่มของคนที่มีอุปนิสัย ชอบพูดกันถึงแต่เรื่องราวที่ไม่ดี ของบุคคลอื่น จะพิจารณาอย่างไร จิตใจจึงจะไม่เศร้าหมอง ไม่เป็นอกุศลไปด้วย
ส. ถ้ามีเมตตาต่อบุคคลนั้น ก็พยายามชักชวนให้เขาเข้าใจ และ ประพฤติในทางที่ดีได้ ก็เป็นกุศลอย่างมากค่ะได้ชื่อว่า ได้ทำประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง คือเจริญกุศลด้วยความเมตตาในผู้อื่นและ ยังได้สงเคราะห์ผู้อื่น ให้ประพฤติปฏิบัติดีเป็นการช่วยให้ผู้นั้น ให้ได้เจริญกุศลด้วย
ว. แต่ถ้าสุดวิสัยที่จะช่วยเขาได้หรือ เพราะเขาไม่อยู่ในฐานะที่เราจะไปช่วยเขาได้เช่น ถ้าเขาเป็นบุคคลที่มีความเห็นแรงกล้า ว่า เขาทำถูกและ เขาเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากทีเดียว ว่าเขาเป็นเลิศกว่าบุคคลอื่น ใจของเรา ก็ห้ามไม่ให้เกิดอกุศลไม่ได้เพราะการได้เห็น ได้ยิน ในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่ควรก็ย่อมเป็นเหตุให้ใจของเราเดือดร้อน เศร้าหมอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราควรจะพิจารณาอย่างไรละคะ
ส. ถ้าอย่างนั้น...เราต้องหลีกเลี่ยงที่จะพบปะ หรือ คบหาสมาคมกับบุคคลนั้น เพราะว่า การคบหาสมาคมกับบุคคลนั้นย่อมจะทำให้ชีวิตสั้นๆ ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ของเรานั้นพลอยไร้ประโยชน์ไปด้วยเพราะนอกจากจิตใจของเรา จะพลอยเป็นอกุศลไปด้วยแล้วบุคคลนั้น อาจชักนำเราไปในทางอกุศลยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้น แทนที่การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ของเราในชาตินี้ จะเป็นประโยชน์ เพราะได้มีโอกาสเจริญกุศลให้มากยิ่งขึ้นก็กลับจะไร้ประโยชน์ เพราะไม่ได้เจริญกุศลให้ยิ่งขึ้นเลยค่ะ
ว. บุคคลอื่นๆ ก็มีความสำคัญต่อชีวิตของเรามากเพราะว่า เราจะอยู่คนเดียวในโลกนั้น เป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิต หรือ คฤหัสถ์โดยเฉพาะคฤหัสถ์อย่างเรา ก็ย่อมมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันบางครั้งก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน โดยประการต่างๆ สำหรับในเรื่อง ความสำคัญของบุคคล ที่เราคบหาสมาคมที่ทำให้จิตเป็นกุศล หรือ อกุศล นั้นพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงไว้อย่างไร
ส. ใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรควนปัตถสูตร ข้อ ๒๓๔-๒๔๒พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงธรรมแก่พระภิกษุทั้งหลาย ว่า ภิกษุ เข้าไปอาศัยบุคคลใด บุคคลหนึ่งแล้วกุศลธรรมไม่เจริญ ก็ไม่ควรพัวพันกับบุคคลนั้นเลยควรจะหลีกไปจากผู้นั้น โดยไม่ต้องบอกไม่ว่าจะเป็นในเวลากลางวัน หรือในกลางคืน ก็ตาม.แต่บุคคลใด ที่ภิกษุเข้าไปอาศัย แล้วกุศลธรรมเจริญ ก็ควรจะพัวพัน คือ คบหาสมาคมกับบุคคลนั้น จนตลอดชีวิตไม่ควรจะหลีกไป ถึงแม้ถูกขับไล่ก็ตาม
ในอังคุตตรนิกาย นวกนิบาต สัมโพธวรรคที่ ๑ เสวนาสูตร ข้อ ๒๑๐
ท่านพระสารีบุตร ได้แสดงธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงนี้แก่ภิกษุทั้งหลาย เพื่อให้เห็น ลักษณะของบุคคลที่ควรเสพ และ ไม่ควรเสพ ว่า เมื่อคบหาบุคคลใด แล้วอกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อมไม่ถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนาถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางคืน ก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางคืนโดยไม่ต้องบอกลา ถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางวัน ก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางวันโดยไม่ต้องบอกลา
ข้อความบางตอนจากหนังสือ
"บทสนทนาธรรม" โดย มูลนิธิศึกษาและ
เผยแพร่พระพุทธศาสนา
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์
ผมอ่านแล้วค่อนข้างงง นะครับ ทำไมใช้คำว่า ควรเสพ น่าจะใช้คำว่า การคบหาสมาคมกับคน เช่น คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล อะไรทำนองนี้หรือ ไม่ควรคบคนพาล ควรหลีกเลี่ยง เป็นต้น ไม่รู้นะครับ
ผมรู้สึกงงๆ ๆ นะครับ