อินเดีย ... อีกแล้ว 5 พิจารณากุศลของตนเอง

 
kanchana.c
วันที่  14 ต.ค. 2552
หมายเลข  13955
อ่าน  2,537

พิจารณากุศลของตนเอง

เมื่อพิจารณาตนเองแล้ว ในการเดินทางไปจาริกแสวงบุญทุกครั้งนั้น กุศลที่ทำมากที่สุด คือ การอนุโมทนาในกุศลของคนอื่น ทานก็มีเพียงเล็กน้อย ประพฤติอ่อนน้อมก็ทำบ้าง เพราะได้กราบมนัสการสังเวชนียสถานด้วยความศรัทธา ได้กราบท่านอาจารย์ด้วยความนอบน้อมทุกครั้งที่ได้พบท่าน สำนึกในบุญคุณที่ท่านทำให้ได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรมที่สุดลึกซึ้งนี้บ้าง ตามกำลังสติปัญญาของตน การช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่นก็มีน้อยมาก เพราะอยู่ในวัยที่จะเป็นฝ่ายถูกลูกๆ หลานๆ น้องๆ ช่วยอยู่เสมอ การฟังธรรมก็ไม่มากเท่าไร คอยแต่หาโอกาสหลบหลีกไปดูตามสถานที่ต่างๆ ที่ยังไม่เคยไปเสมอ เวลาที่มีการสนทนาธรรม เพราะคิดว่าเดี๋ยวทางมูลนิธิฯ ก็จะบันทึกเสียงไว้ฟังวันหลังได้ (เป็นผู้ประมาทจริงๆ แต่ทำอย่างไรได้ สะสมมาที่จะเป็นอย่างนี้ ดูจะขัดแย้งกับข้อความตอนต้นนะคะ ที่ว่าขอมีโอกาสฟังธรรมทุกชาติที่เกิด แต่ตอนนี้มีโอกาสแล้ว ยังผัดผ่อนไปอีก เอ! จะเอาอย่างไรแน่จ๊ะ หล่อน) การแสดงธรรมนั้นลืมไปได้เลย เพราะความรู้ความเข้าใจเท่านี้คงจะแสดงไม่ได้ แต่ถ้ามีคนมาถาม ก็ตอบไปเท่าที่จะสามารถตามความรู้ของตน หรืออย่างที่เขียนบทความจากประสบการณ์ตรงของตนเองนี้ จะใช้ได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบนะคะ แต่ก็ตั้งใจให้เป็นกุศล คือ เกิดประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง

การอบรมเจริญปัญญา คือ การเจริญสติปัฏฐานนั้นดูลางเลือนว่าจะเจริญได้หรือไม่ มีความรู้สึกลางๆ เหมือนอยู่ในความฝันว่าสติปัฏฐานเคยเกิด เมื่อระลึกได้ว่าความนึกคิดเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน หรือจะเป็นแค่ความคิดนึกจริงๆ เท่านั้น ยังไม่ใช่การประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพคิดนึก ดังนั้น กุศลขั้นนี้จึงเกิดยาก นานๆ ครั้ง หรือยังไม่เคยเกิดเลย เพราะต้องอาศัยสังขารขันธ์ปรุงแต่งมากมาย รวมทั้งสัญญาความจำที่มั่นคงว่า ทุกอย่างเป็นธรรมด้วย ส่วนเรื่องการอบรมเจริญความสงบนั้น ได้ฟังจากท่านอาจารย์บรรยายว่า การเจริญพรหมวิหารเป็นการเจริญความสงบในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ตลอดเวลาเพราะมีสัตว์บุคคลที่จะต้องพบปะอยู่เสมอ มองใครก็มองด้วยความเป็นมิตร พูดกับใครก็ด้วยความเป็นมิตร คิดถึงใครก็คิดด้วยความเป็นมิตร (เมตตา) เห็นใครมีทุกข์เดือดร้อนก็ช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ (กรุณา) เพราะรู้ว่าสัตว์บุคคลทั้งหลายล้วนเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกันดารอันแสนไกลวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน พลอยยินดีด้วยในความสุขหรือสมบัติของคนอื่น (มุทิตา) เพราะรู้ว่าเป็นผลของกุศล เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ผลของกุศลมีจริง และวางเฉยเมื่อไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้ เพราะรู้ว่าทุกคนมีกรรมเป็นของของตน (อุเบกขา) และประจักษ์ได้ว่า ผลของอกุศลก็มีจริงเช่นกัน ไปอินเดียคราวนี้ ก็ทำให้เกิดความคิดว่า ควรเตรียมเจริญกุศลทุกประการตั้งแต่ตอนนี้ โดยเฉพาะการเจริญพรหมวิหาร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
choonj
วันที่ 14 ต.ค. 2552

การพิจารณากุศลของตนเองและได้ไปอินเดีย ย่อมมีแน่นอยเพราะไปหลายคนแล้วอากาศที่อินเดียก็ชวนให้ไม่สบายโดยเฉพาะสว (สูงวัย) การที่จะได้เจริญพรหม-วิหาร ๔ มีแน่นอน ขอให้แข็งแรงเข้าใว้อย่าด่วนไม่สบายเสียก่อน ยิ่งเห็นชาวจัณฑานแล้วละก็เป็นอารมณ์ของบุคลตัวตนได้ดียิ่งในการเจริญพรหมวิหาร ไม่ควรประมาทในการฟังธรรม ถึงแม้จะฟังมากๆ จนมีความรู้มากแล้ว เกิดใหม่ถ้าไม่ได้พบพุทธศาสนาและไม่ได้ฟังธรรมอีก ที่ฟังมามากๆ ก็ไม่ให้ผล จนกว่าจะได้พบผู้รู้อีกซึ่งก็ไม่ใช่ง่ายและไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติและศาสนาก็กำลังเสื่อมอยู่ ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
saifon.p
วันที่ 14 ต.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 14 ต.ค. 2552

เริ่มขณะนี้ เพราะชีวิตไม่แน่นอน การฟังพระธรรมเป็นอุปการะมากเพราะทำให้ปัญญา

เจริญขึ้น เมื่อปัญญาเจริญขึ้นกุศลประการต่างๆ ก็เจริญขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล

พรหมวิหาร 4 และกุศลประการอื่นๆ ครับ พระธรรมมีอุปการะมากอย่างนี้ อย่าปล่อยให้

ล่วงขณะที่ประเสริฐไป นั่นคือขณะที่ฟังแล้วเข้าใจพระธรรม ขออนุโมทนาด้วยนะครับในข้อคิดเห็นที่ดีๆ ที่นำมาเสนอกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ต.ค. 2552

ขอขอบพระคุณมากครับ สำหรับข้อความเตือนใจ ที่ตรงและจริงใจ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 15 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ING
วันที่ 15 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 16 ต.ค. 2552

เมื่อพิจารณาตนเองแล้ว ในการเดินทางไปจาริกแสวงบุญทุกครั้งนั้น กุศลที่ทำมากที่สุด คือ การอนุโมทนาในกุศลของคนอื่น ทานก็มีเพียงเล็กน้อย ประพฤติอ่อนน้อมก็ทำบ้าง เพราะได้กราบมนัสการสังเวชนียสถานด้วยความศรัทธา ได้กราบท่านอาจารย์ด้วยความนอบน้อมทุกครั้งที่ได้พบท่าน สำนึกในบุญคุณที่ท่านทำให้ได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรมที่สุดลึกซึ้งนี้บ้าง ตามกำลังสติปัญญาของตน การช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่นก็มีน้อยมาก

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตทั้งกาย วาจา และใจของพี่แดงค่ะ พี่แดงกล่าวว่าการช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่นก็มีน้อยมาก เมตตาว่าไม่น้อยเลยค่ะ พี่แดงช่วยเหลือกิจการงานการถอดเทปวิทยุ ต่อจากคุณย่าสงวน และยังช่วยงานในเวปบ้านธัมมะมากมายซึ่ง

ต้องมีความความอดทน และจริงใจอย่างมาก พี่แดงยังมีเมตตาต่อพวกเรา กระทู้มาก

มายที่ลงให้พวกเราได้อ่าน ได้เตือนสติพวกเราเสมอไม่ให้เป็นผู้ประมาท...

ขอขอบพระคุณและขอกราบอนุโมทนาในกุศลเจตนาของพี่แดงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สุภาพร
วันที่ 16 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 16 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
อินทรีย์พละ
วันที่ 17 ต.ค. 2552

เรียน ถามท่านอาจารย์ และผู้รู้ทุกท่าน

ได้มีโอกาสฟังธรรมะจากรายการแนวทางเจริญวิปัสสนา ประมาณ 6 ปีแล้ว มีความศรัทธาเลื่อมใสในคำสอนเป็นอย่างยิ่ง ความศรัทธานี้ได้นำให้ได้มีโอกาสไปนมัสการสังเวชนียสถาน 2 ครั้ง แต่มีความกังวลว่า สำนักที่จัดไปนั้น ให้นั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ ตามสถานที่ทุกๆ แห่งโดยที่ไม่มีการอ่านพระสูตรใดๆ เลย ว่าสถานที่นั้นๆ มีเหตุการณ์ที่เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาและเป็นประโยชน์ต่อศาสนิกชนอย่างไรบ้าง โดยส่วนตัวแล้ว ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ เพียงแต่นั่งตามกาลเทศะ เนื่องจากเกิดความเกรงใจในหมู่คณะที่ไปด้วย แต่ขณะที่นั่งสติก็ระลึกธรรมะที่กำลังปรากฎตามความเป็นจริงเท่าที่สติจะระลึกได้ และนึกถึงพระสูตรและเหตุการณ์ที่ได้เคยอ่านและพอจำได้ในพระไตรปิฏกเป็นต้น

อยากถามท่านอาจารย์และผู้รู้ช่วยชี้แนะว่า การที่จะต้องนั่งไปกับหมู่คณะนั้น จะเป็นการประพฤติปฏิบัติที่ผิดหรือไม่ อยากไปกับหมู่คณะที่เข้าใจธรรมะอย่างแท้จริงแต่ไม่ทราบว่าจะหาพบได้ที่ใด ที่เลือกไปกับคณะนี้ เพราะค่าใช้จ่ายพอรับได้ และตารางที่ไป สามารถปลีกตัวลางานได้ครับ ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาในเมตตาจิตของทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
opanayigo
วันที่ 17 ต.ค. 2552

อนุโมทนาค่ะ

ในกุศลเจตนาที่ตั้งไว้ดีแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pornpaon
วันที่ 17 ต.ค. 2552

เรียน ความคิดเห็นที่ 10 ลองพิจารณาเรื่องของดิฉันดูนะคะ

เมื่อพอที่จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ดิฉันก็เคยกลุ้มใจกับการจัดนั่งสมาธิแนวนี้มาก

เกรงใจ และเราอยู่ในเมืองตาหลิ่ว ตอนหลังจึงนึกได้ว่า หากเราตกอยู่ในหมู่คณะที่เขา

นั่งท่านั้น เดินท่านั้น ยืนท่านั้น เราก็สามารถทำ โดยรู้และเข้าใจว่านั่นไม่ใช่หนทาง

ปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ ไม่เข้าใจผิดว่าเป็นมรรค แต่ทำท่าทางต่างๆ ตามเขาไปโดย

เป็นการทำเพื่อรักษาโรค เหมือนการเล่นโยคะเพื่อสุขภาพ ทำนองนั้น ดิฉันก็ถือโอกาส

งีบหลับพักเลย เพราะที่ทำงานดิฉัน สนับสนุนแนวนี้มาก ขัดก็ไม่ได้ จะอธิบายเขาก็พูด

ไม่ถูก ก็ทำตามหน้าที่ไปได้โดยไม่เข้าใจผิดในหนทางปฏิบัติ และไม่ขัดแย้งกับหมู่คณะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
อินทรีย์พละ
วันที่ 19 ต.ค. 2552

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนา ในคำแนะนำของ ความคิดเห็นที่ ๑๒

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
choonj
วันที่ 19 ต.ค. 2552

ขอแสดงความเห็นครับ และขอถามว่า ถ้าจะไปอินเดียเพื่อนั่งสมาธิ เพื่อเป็นการ

ปฎิบัติธรรมถูกหรือผิด ถ้าหาคำตอบนี้ได้ก็จะเป็นคำถามที่ถามมา ผมอยากจะบอกว่า

การไปอินเดียนั้น เป็นการไปเพื่อนมัสการสังเวชนียสถานทั้งสี่ ด้วยความนอบน้อมเพื่อ

เจริญพระพุทธคุณ ผู้ที่เข้าใจธรรมมากๆ เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง จนสติเกิด

เป็นสติปัฎฐาน ก็จะมีความนอบน้อม ขอบคุณพระพุทธองค์อย่างมาก จนบางคนปิติเกิด

จนน้ำตาไหล เคยเห็นไหมครับ เพราะการที่จะเข้าใจธรรมได้นั้น ถ้าไม่ได้คำสอนของ

พระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจได้เลย ปิติจึงเกิดเพราะสำนึกในพระพุทธคุณ

เป็นพุทธานุสติ ในขณะนั้นผ่องใสด้วยสัทธาเมื่อเกิด

ส่วนผู้ที่ยังไม่เข้าใจพระธรรม ไปแล้วก็งั้นๆ เป็นสถานที่หนึ่งเท่านั้นเอง เดินทาง

ก็ลำบาก ป่วยไข้ก็ง่าย และยังไม่เข้าใจก็ไปนั่งสมาธิ สมาธิคือสมถภาวนาต้องใช้เวลา

มากแล้วจะไปได้สักกี่ครั้งละครับ ก็จะยังไม่รู้ความหมาย และความสำคัญของสังเวชนีย

สถาน ก็อย่างที่ว่านั้นแหละครับ ทำตามๆ กันไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ประโยชน์ เสียเวลา

ฟังมา ๖ ปีแล้ว ก็น่าจะพอรู้นะครับว่า หมู่คณะที่ถูกต้องอยู่ที่ไหน ก็ต้องตัดสินว่า

ใครสอนความเป็นจริง สามารถรู้ได้และมีจริง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wannee.s
วันที่ 19 ต.ค. 2552

ตอบความเห็นที่ 10

ได้พบพระธรรมที่ถูกต้อง ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ไปอินเดียกับคณะท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
อินทรีย์พละ
วันที่ 27 ต.ค. 2552

ขอขอบพระคุณในคำแนะนำของทุกๆ ท่านครับ ผมเพิ่งจะทราบว่ามูลนิธิฯได้จัดไปช่วง

ปลายเดือนตุลานี้ เสียดายมากผมได้จองไปเดือนกุมภาพันธ์ ปี 53 แล้ว ถ้ามีโอกาส ก็

ปรารถนาที่จะร่วมเดินทางไปกับคณะด้วย อยากฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์

มากๆ ณ.สถานที่จริง คงจะเป็นความประทับใจไปตลอดกาลเลยครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ