เหตุเดียวแต่ความรู้สึกต่างกัน [สกมานสูตร]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 86-88
สกมานสูตร
ว่าด้วยเหตุเดียวแต่ความรู้สึกต่างกัน
[๓๒] เทวดากล่าวว่า เมื่อนกทั้งหลายพักร้อน ในเวลาตะวันเที่ยงป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า ครวญครางความครวญครางของป่านั้น เป็นภัย ปรากฏแก่ข้าพเจ้า
[๓๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เมื่อนกทั้งหลายพักร้อน ในเวลาตะวันเที่ยงป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า ครวญคราง นั้นเป็นความยินดี ปรากฏแก่เรา
อรรกถาสกมานสูตร
วินิจฉัยในสกมานสูตรที่ ๕ ต่อไป :-
บทว่า ิเต มชฺฌนฺติเก แปลว่า ในเวลาเที่ยงวัน บทว่า สนฺนิสินฺเนสุ ได้แก่ อาศัยพักอยู่ในที่อันไม่เสมอกันเพราะเข้าไปสู่ที่ตามความสบายอย่างไร. อธิบายว่า ชื่อว่า เวลาเที่ยงวันนี้ เป็นเวลาทุรพลแห่งอิริยาบถของสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่ในที่นี้ท่านแสดงความทุรพลแห่งอิริยาบถของนกทั้งหลายเท่านั้น
บทว่า ปลาเตว ได้แก่ดุจเสียงครวญคราง ดุจการเปล่งเสียงร้องใหญ่. ก็ในที่นี้ ท่านกล่าวเอาเสียงที่รบกวนเท่านั้น เสียงนี้แหละ เปรียบดังเสียงครวญคราง. จริงอยู่ ในฤดูร้อนเวลาเที่ยงวัน พวกสัตว์ ๔ เท้า และพวกปักษีทั้งหลายมาประชุมกัน (พักเที่ยง) เสียงใหญ่ คือ เสียงแห่งโพรงต้นไม้อันลมเป่าแล้วด้วย แห่งปล้องไม้ไผ่ ที่เป็นรูอันลมเป่าแล้วด้วยแห่งต้นไม้ ซึ่งต้นกับต้นเบียดสีกันและกิ่งกับกิ่งเบียดสีกันด้วยย่อมเกิดขึ้นในท่ามกลางป่าเสียงครวญครางนั้น ท่านกล่าวหมายเอาเสียงใหญ่นี้
บทว่า ตํ ภยํ ปฏิภาติ มํ ความว่า ในกาลเห็นปานนั้น เสียงเช่นนั้น ย่อมปรากฏเป็นภัยแก่ข้าพเจ้า. ได้ยินว่า เทวดานั้นมีปัญญาอ่อน เมื่อไม่ได้ความสุข ๒ อย่าง คือ ความผาสุกในการนั่ง ความผาสุกในการพูดของตนในขณะนั้นจึงกล่าวแล้วอย่างนี้. ก็เพราะในกาลเช่นนั้น เป็นเวลาสงัดของภิกษุผู้กลับจากบิณฑบาตแล้วนั่งถือเอากรรมฐานในป่าชัฏแล้วความสุขมีประมาณมิใช่น้อยย่อมเกิดขึ้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสหมายเอาคำอันใดว่า สุญฺญาคารํ ปวิฏฺฐสฺส สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโนอมานุส รตี โหติ สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ จปุรโต ปจฺฉโต วาปิ อปโร เจ น วิชฺชติอตีว ผาสุ ภวติ เอกสฺส วสโต วเนติ จ.
เมื่อภิกษุ เข้าไปสู่ สูญญาคาร (เรือนว่าง) มีจิตสงบแล้ว ยินดีอยู่ในสิ่งที่มิใช่ของมนุษย์ จึงเห็นธรรมโดยชอบ ดังนี้และ คาถาว่าบุคคลอื่น ข้างหน้า หรือว่า ข้างหลัง ย่อมไม่ปรากฏ เมื่อเป็นผู้เดียว อยู่ในป่า ความผาสุก ย่อมเกิดได้โดยเร็ว ดังนี้.เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสพระคาถาที่ ๒.บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สา รติ ปฏิภาติ มํ อธิบายว่า ในเวลาเห็นปานนี้ชื่อว่า การนั่งของบุคคลผู้เดียวอันใดนั้นเป็นความยินดี ย่อมปรากฏแก่เรา. คำที่เหลือ เช่นกับนัยก่อนนั่นแหละ
จบอรรถกถาสกมานสูตรที่ ๕
ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และ สรรพสัตว์.