ผู้รักษาตน ผู้ไม่รักษาตน [อัตตรักขิตสูตร]

 
พุทธรักษา
วันที่  18 ต.ค. 2552
หมายเลข  13997
อ่าน  1,389

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 429-430

อัตตรักขิตสูตร

[๓๓๗] พระเจ้าปเสนทิโกศล ประทับนั่ง ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญวันนี้ข้าพระองค์ได้เข้าห้องส่วนตัวพักผ่อนอยู่ ได้เกิดความนึกคิดอย่างนี้ว่า ชนพวกไหนหนอ ชื่อว่าเป็น ผู้รักษาตน ชนพวกไหนหนอ...ชื่อว่าเป็น ผู้ไม่รักษาตน

ข้าพระองค์ได้คิดต่อไปว่า ก็ชนบางพวก ย่อมประพฤติทุจริต ด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตน ถึงแม้พลช้าง พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า จะพึงรักษาเขา ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้น ก็ชื่อว่าไม่เป็นผู้รักษาตนข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไรก็เพราะเหตุว่า การรักษาเช่นนั้น เป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษาภายในฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตนส่วนว่าชนบางพวก ย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ว่าพลช้าง พลม้า พลรถหรือพลเดินเท้า จะไม่รักษาเขาถึงเช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้รักษาตนข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไรก็เพราะเหตุว่าการรักษาเช่นนั้น เป็นการรักษาภายใน มิใช่เป็นการรักษาภายนอก ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน.

[๓๓๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ถูกแล้วๆ มหาบพิตร ก็ชนบางพวก ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตน ถึงแม้ชนพวกนั้นจะมีพลช้าง พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า คอยรักษาถึงเช่นนั้น ชนพวกนั้นก็ชื่อว่าไม่รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไรก็เพราะเหตุว่า การรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษาภายใน.

ฉะนั้น ชนพวกนั้น จึงชื่อว่า ไม่รักษาตน.ส่วนว่าชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ชนพวกนั้น จะไม่มีพลช้าง พลน้ำ พลรถ หรือพลเดินเท้า คอยรักษาถึงเช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่า รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุว่าการรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษาภายใน มิใช่เป็นการรักษาภายนอก. ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่า เป็นผู้รักษาตน.

[๓๓๙]พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า การสำรวมทางกาย เป็นการดี การสำรวมทางวาจา เป็นการดีการสำรวมทางใจ เป็นการดี การสำรวมในที่ทั้งปวง เป็นการดี บุคคล สำรวมในที่ทั้งปวง แล้วมีความละอายต่อบาปเรากล่าวว่า" เป็นผู้รักษาตน"

อรรถกถาอัตตรักขิตสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในอัตตรักขิตสูตรที่ ๕ ต่อไป :-

บทว่า หตฺถิกาโย ได้แก่ หมู่พลช้าง.แม้ในหมู่พลที่เหลือก็นัยนี้เหมือนกัน.

บทว่า สํวโร ได้แก่ ปิด.

ด้วยบทว่า สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงความสำรวมแห่งกรรม ที่ยังไม่ถึงความแตกแห่งกรรมบถ

บทว่า ลชฺชี แปลว่าผู้มีหิริละอาย แม้โอตตัปปะก็เป็นอันทรงถือเอาแล้วด้วย ลัชชี ศัพท์ในบทนี้

จบอรรถกถาอัตตรักขิตสูตรที่ ๕

ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และ สรรพสัตว์.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 19 ต.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ