ยากเหลือเกินที่จะมีขันติ
ข้อความบางตอนจากเทปวิทยุ
ท่านอาจารย์ ยากเหลือเกินนะค่ะ ที่จะมีขันติอย่างที่ได้ฟัง อย่างที่ได้อ่านจากพระไตรปิฏก เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องของความอดทน ความอดกลั้น ทุกทางทุกสถานะการณ์ด้วย แต่เมื่อระลึกถึงอดีตชาติของ ท่านพระสาวกทั้งหลาย ก็จะเห็นได้ว่า ก่อนที่ท่านจะมีความอดทนถึงอย่างนั้น ท่านก็เป็นผู้ที่ มีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ มีอกุศลมากมายเหมือนอย่างทุกท่านที่นี่ แต่ว่าท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีปัญญา และก็เห็นคุณของความอดทน เห็นคุณของกุศลทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ท่านก็มีความอดทนที่จะอบรมเจริญกุศลทุกประการ จนในที่สุดบารมีทั้งหลายก็ถึงที่สุด ด้วยการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้นเรื่องของบารมี เป็นเรื่องที่จบเมื่อสมบรูณ์ แต่ว่าก่อนที่จะถึงความสมบรูณ์ ก่อนที่จะจบลงได้ ก็จะต้องอบรมไป และก็อดทนไปแต่ละชาติ ซึ่งก็เป็นจิรกาลภาวนา เพราะเหตุว่าต้องอาศัยกาลเวลา ในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เมื่อเห็นกิเลสมากเท่าไหร ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียวค่ะ กว่าทีจะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม และก็ไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา และการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น...
เมื่อวันนี้ชั่วโมงสนทนาการปฎิบัติธรรม มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งได้เล่าถึงในชีวิตประจำวันเมื่อได้พบกับอารมณ์ที่ไม่พอใจ ก็จะเกิดโทสะทันที แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่เกิดโทสะก็ได้คิดถึงพระธรรมที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ ทำให้ความโกรธขณะนั้นค่อยคลายลงได้..
ท่านอาจารย์กล่าวว่า เราได้สะสมอกุศลมามากกว่ากุศล ฉะนั้นในชีวิตประจำวัน อกุศลจึงเกิดมากกว่ากุศลจิต เพราะฉะนั้น การได้ฟังพระธรรม ได้ไตร่ตรองพระธรรมให้เข้าใจ จึงเป็นปัจจัยให้ขณะที่เกิดโทสะแล้วเห็นโทษของอกุศล มีขันติที่จะอดกลั้นต่อโทสะนั้นได้จึงไม่โกรธ...
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ