จะละกามราคะ ปัญญาต้องรู้อะไรก่อน ขอคำตอบแบบภาษาชาวบ้าน

 
รวส
วันที่  22 ต.ค. 2552
หมายเลข  14056
อ่าน  4,542

ผมไม่ค่อยรู้ภาษาธรรม แต่เข้าใจในธรรมที่ท่านอาจารย์สอนทางวิทยุ เข้าใจตอน

ที่ยกตัวอย่างมาประกอบ เช่นเคย ขอความเมตตาท่านผู้รู้ช่วยตอบให้หายโง่ที

ขออนุโมทนาสาธุกับผู้ศึกษาธรรมทุกท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 23 ต.ค. 2552

จะละกามราคะได้ เบื้องต้นปัญญาจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ตนหลงติด หลงรักนั้น ไม่ใช่ของที่สวยงาม น่ารัก ความจริงผู้รู้ท่านเห็นตามความเป็นจริงว่า ไม่งาม ไม่สะอาด มีแต่ของเหม็นเน่าทั้งนั้น... เพียงเท่านี้คงยังไม่หายโง่หรอกครับ จะต้องศึกษาคำสอนของผู้รู้จนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง จนปัญญามีกำลังคมกล้ามากขึ้น จึงจะหายโง่ คือดับกิเลสจนไม่มีเหลือครับ...

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ กามกำหนัด ระงับได้ด้วยอะไรครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
yodchaw
วันที่ 23 ต.ค. 2552

ไม่ใช่ความพยายามที่จะติด หรือพยายามที่จะหลุด หมายถึง ทุกสิ่งอย่างมันไม่ยึดกัน

อยู่เอง เกิดเอง ดับเอง ไม่ต้องสาระวนไปเอง ปลงใจต่อความเป็นอนิจจัง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
CatLetter
วันที่ 25 ต.ค. 2552

ต้องมีสติ ระลึกอยู่เสมอในปัจจุบัน อารมณ์ของจิตอะไรกำลังเกิดขึ้น อะไรกำลังดับ

ตอนนี้มีอินทริย์ มีพละในองค์ธรรมนีี้เท่าไหน ในชีวิตประจำวัน ถามตนเอง

ถ้ายังเริ่มตรงนี้ก่อน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 26 ต.ค. 2552

จะละกามราคะ ปัญญาต้องรู้อะไรก่อน

เป็นคำถามที่ดีมากเลยครับ โดยเฉพาะการใช้คำว่า ละ, ปัญญา, และ รู้ ซึ่ง

แสดงว่าท่านมีความเข้าใจจากการฟังท่านอาจารย์พอสมควร เพราะคนที่ไม่เข้าใจพระ

ธรรมส่วนใหญ่ จะใช้คำว่า อยาก, ต้องการ, หรือ ทำอย่างไร

การละกามราคะ ต้องละด้วยปัญญาครับ แต่ก่อนที่ปัญญาจะมีกำลังถึงขั้นละ

กามราคะ ปัญญาต้องมีกำลังจนดับความเห็นผิดก่อน ซึ่งการพัฒนาให้ปัญญาเจริญ

ขึ้นนั้น ต้องอาศัยการฟังธรรมะให้เข้าใจนั่นเองครับ

ผมขอขยายความนิดหนึ่ง หวังว่าคงไม่ยากจนเกินไปนะครับ คือการละกาม

ราคะนั้น เป็นปัญญาของท่านพระอนาคามีครับ ก่อนเป็นพระอนาคามี ก็จะต้องมี

ปัญญาของพระโสดาบันก่อน นั่นคือต้องมีปัญญาที่ละความเห็นผิดก่อน และปัญญาที่

จะละความเห็นผิดนั้น ต้องรู้ธรรมะตรงตามความเป็นจริง ซึ่งสอดคล้องกับคำบรรยาย

พระธรรมที่เราควรฟังอยู่เสมอครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
majweerasak
วันที่ 27 ต.ค. 2552

ขอร่วมแสดงความเห็นครับ

จะละกามราคะ ปัญญาจะต้องรู้ความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้

แล้วปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น รู้ชัดขึ้นประจักษ์แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง

ตรงตามที่ทรงแสดงไว้ ขณะที่ปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ก็เป็นการค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ที่ละน้อย ก็จะเห็นโทษ เห็นภัย และละคลายอกุศลทีละน้อย จนกระทั่งประจักษ์แจ้งพระนิพพาน เป็นพระอริยะบุคคลและดับกิเลสตามลำดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
รวส
วันที่ 28 ต.ค. 2552


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เมตตาให้ธรรมเป็นแสงสว่างโดยเฉพาะคุณ k ผมรู้สืกว่าพอ

จะเห็นแสงสว่างบ้างแล้ว

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ