คำถามทบทวน ปรมัตถธรรม ตอนที่ ๑
คำถามทบทวน
ปรมัตถธรรม ตอนที่ ๑
ขอเชิญชวนสหายธรรม ลองช่วยกันตอบคำถามในปรมัตถธรรมสังเขปซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวไว้ในข้อความตอนหนึ่งว่า
"เป็นเรื่องของ ปรมัตถธรรม ๔ ขันธ์ ๕ เท่านั้นเอง แต่แทนที่จะคิดเรื่องอื่น ก็มาสนใจคิดเรื่องนี้บ้าง จะเป็นปัจจัยให้พิจารณาธรรมละเอียดขึ้น"
คำถามของท่านอาจารย์ ก็จะมียากบ้าง ง่ายบ้าง เปิดตำราตอบก็ย่อมได้ จะเฉลยคำตอบในกระทู้นี้ อีก ๗ วัน ค่ะ
๑.ปรมัตถธรรม มีกี่อย่าง อะไรบ้าง
๒.ปรมัตถธรรมอะไร เป็นสังขารธรรม
๓.ปรมัตถธรรมอะไร เป็นอสังขตธรรม
๔.จิต เป็นสังขารธรรม ใช่ไหม
๕.สังขารธรรม เป็นจิต ใช่ไหม
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะค่ะ
เฉลยคำตอบ
๑.ปรมัตถธรรม มี ๔ อย่าง ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
๒.จิต เจตสิก รูป เป็นสังขารธรรม
๓.นิพพาน เป็นอสังขตธรรม
๔.ใช่
๕.สังขารธรรม ไม่ใช่จิตอย่างเดียว เจตสิก และรูป ก็เป็น สังขารธรรม เพราะเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ตอบได้สบายเลยค่ะพี่ติ๋ว พอดีวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาทางมูลนิธิฯ ได้สนทนาพอดีเลยค่ะ สนทนากันค่อนข้างอะเอียดด้วยค่ะ ได้ทบทวนคิดและพิจารณาธรรมตามไปด้วย แทนที่จะไปคิดหรือตรึกเรื่องอื่นที่เป็นอกุศล การพิจารณาธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ย่อมสะสมเป็นอุปนิสัยที่มีกำลัง เป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตพี่pannipa.vค่ะ
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง มีลักษณะ ศึกษา เข้าใจได้ง่าย เมื่อเป็นเรื่องราวแต่จะเข้าใจจริงๆ ถึงลักษณะ ที่กำลังปรากฏ ทำให้คิดถึงอุปมาที่ท่านอ.แสดงไว้ "เหมือนการจับด้ามมีด"
จะรออ่านคำเฉลยของ K.Pannipa.V นะคะ และมั่นใจได้เลยว่า คำตอบแต่ละข้อต้องละเอียด และจะต้องได้ประโยชน์ยิ่ง เพราะได้ทราบมาว่า K. Pannipa. V เป็นผู้ถอดเทปมือฉมัง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
ขอขอบคุณมากกับกระทู้ห้วข้อนี้ เพราะพยายามอ่านหนังสือปรมัตถธรรมสังเขปแต่อ่านไม่รู้เรื่องเลย ยากมากๆ เลย รอว่าเมื่อไหร่มูลนิธิฯ จะทำหนังสือเสียงสำหรับหนังสือเล่มนี้ออกมาในรูปของ MP3
ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
การศึกษาพระอภิธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บ่อยครั้งที่คิดว่า ตัวเองเข้าใจดีแล้ว แต่พอมาเจอคำถาม ถึงจะเป็นเพียงคำถามสั้นๆ แต่กลับตอบไม่ค่อยได้ หรือตอบได้ก็ยังไม่มั่นใจ มีความลังเลชอบกลอยู่ และบางข้อถึงกับตอบไม่ได้เลยก็มี ยิ่งศึกษาก็ยิ่งลึกซึ้งว่า พระธรรมนั้นยากนัก ไม่ควรประมาทว่าง่าย หรือจะศึกษาเมื่อไหร่ก็ได้
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาต่อคุณ Pannipa V. ค่ะ และกำลังรอคำตอบอยู่อย่างใจจรดใจจ่อ
ขอตอบดูน่ะค่ะ ผิดถูกอย่างไร ขอทุกคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ค่ะ หรือเข้ามาตอบเป็นข้อๆ ตามความคิดเห็นของแต่ละท่านได้ค่ะ จะได้คิดตรึกถึงเรื่องธรรมดีกว่าไปตรึกแต่เรื่องอกุศลซึ่งมีเป็นปกติในชีวิตประจำวัน...
๑.ปรมัตถธรรมมี ๔ อย่าง ได้แก่ จิตปรมัตถ์ เจตสิกปรมัตถ์ รูปปรมัตถ์ และนิพพานปรมัตถ์
๒.จิต เจตสิก รูป เป็นสังขารธรรม
๓.นิพพาน เป็นอสังขตธรรม เพราะเป็นธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ หมดปัจจัยปรุงแต่ง
๔.ใช่
๕.สังขารธรรมเป็นจิต ไม่ใช่เพียงจิตเท่านั้นที่เป็นสังขารธรรม เจตสิก และรูปก็เป็นสังขารธรรมด้วย เพราะว่าสังขารธรรม เป็นสภาพที่เกิดดับ ยังมีปัจจัยปรุงแต่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ทั้งเนื้อหาและคำถาม ในหนังสือปรมัตถธรรมสังเขปนี้ อ่านทีแรก รู้สึกว่าวกวนซ้ำไปซ้ำมา แต่เมื่อศึกษาต่อๆ มา จึงพบว่าเป็นความละเอียดอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ควรมองข้ามความแตกต่างแม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ขออนุโมทนาครับ
เรียนท่านผู้รู้
สังขารธรรม และ สังขารขันธ์ เหมือนกันหรือไม่
ขอบพระคุณค่ะ
คุณ pannipa.v เป็นผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม ความคิดเห็นคมคาย เตือนสติ จึงขอรออ่านเฉลยด้วยคนนะคะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
สังขารธรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป
ส่วนสังขารขันธ์ ได้แก่ เจตสิก ๕๐ ดวง ค่ะ
เรียนคุณวิริยะค่ะ
สังขารธรรม คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้น เพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่งแล้วก็ดับไป จึงเป็นสังขตธรรม
สังขารขันธ์ คือ เจตสิก ๕๐ ดวง (เจตสิกมีทั้งหมด ๕๒ ดวง เวทนาเจตสิกเป็นเวทนาขันธ์ สัญญาเจตสิกเป็นสัญญาขันธ์ ส่วนเจตสิกที่เหลืออีก ๕๐ เป็นสังขารขันธ์)
ขออนุโมทนาค่ะ
เรียนท่านผู้รู้
รูป ทำไมจึงเป็นสังขารธรรม รูป มีปัจจัยปรุงแต่งแล้วดับไปอย่างไรคะ
ขอบพระคุณค่ะ
เรียนความเห็นที่ ๑๓ ครับ
จิต เจตสิก รูป เป็นสังขารธรรม เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง รูปมีสมุฏฐานให้เกิด ๔ คือ รูปบางประเภทเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย
รูปบางประเภทเกิดเพราะจิตเป็นปัจจัย
รูปบางประเภทเกิดเพราะอุตุเป็นปัจจัย
รูปบางประเภทเกิดเพราะอาหารเป็นปัจจัย
เมื่อรูปเกิดขึ้นมาแล้วตั้งอยู่ชั่วขณะแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
เรียนความเห็นที่ 14
ที่ท่านได้กล่าวว่า รูปบางประเภทเกิดเพราะจิตเป็นปัจจัย นั้น หมายความว่า รูป กระทบกับปสาท จึงมีเสียง มีสี มีกลิ่น มีรส มีเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เหล่านี้ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกหรือไม่ กรุณาอธิบายด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จิตตชรูป คือรูปที่เกิดเพราะจิตเป็นปัจจัย เช่น เสียงพูดของคน การโบกมือ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่า เราต้องการอะไร (วิญญัติ) เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีจิตตชรูปอื่นๆ อีก
รายละเอียดขอเชิญคลิกอ่านที่ จิตตชรูป
ขอบคุณความเห็นที่ 16 มากค่ะ ถ้าไม่ถามผู้รู้ ดิฉันก็คงคิดเองว่า ที่คิดไว้นั้นถูกต้องดีแล้ว จึงอยากทราบว่า สิ่งที่ได้สรุปไปในความเห็นที่ 15 นั้น เกี่ยวกับเรื่องอะไร เป็นเรื่องของวิถีจิต หรือว่าอะไรคะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากความเห็นที่ ๑๕
ควรจะกล่าวว่า รูปที่กระทบกับปสาททั้ง ๕ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ฯลฯ เป็นโคจรรูป ๗ หรือ วิสยรูป ๗
เรียนอาจารย์ประเชิญจากคำตอบในความเห็นที่ 18 ดิฉันคิดว่า ดิฉันน่าจะหยุดถามและกลับไปศึกษาเรื่องรูปเสียก่อน เพราะดิฉันไม่เคยศึกษาเรื่องรูปอย่างจริงจังเสียที และยังไม่เคยศึกษาเรื่องเหตุปัจจัยด้วยค่ะ อย่างไรเสียก็ขอขอบคุณ อาจารย์ประเชิญและคุณ Pannipa V. เจ้าของหัวข้อค่ะ ถ้าจะมีคำถามทบทวนต่อๆ ไปอีก จะยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ