การเห็นสภาวธรรม
พระพุทธพจน์ที่ตรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” คำว่า "เห็นธรรม" ในที่นี้ท่านมุ่งหมายถึง โลกุตตรธรรม ๙ โลกุตตรธรรม ๙ ได้แก่ มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ พระนิพพาน ๑ดังนั้นผู้ที่เห็นธรรมในที่นี้จึงหมายถึงพระอริยบุคคล และเห็นด้วยปัญญาไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ แต่เป็นตาปัญญา รู้แจ้งแทงตลอดความจริง แต่ว่า
การที่จะถึงขั้นโลกุตตรธรรมได้ ต้องอาศัยการสะสมปัญญา รู้สภาวธรรมที่กำลัง
ปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริง ว่า เป็นเพียงธัมมะ เป็นเพียงธาตุอย่างหนึ่ง
ที่เกิดเพราะปัจจัย ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนของเราอย่างไร เสียก่อน จึงจะถึงการ
รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ขั้นโลกุตตรได้...
สิ่งที่ทำให้พระผู้มีพระภาคต่างจากผู้อื่นคือ ทรงเป็นพระอรหันต์ผู้ปราศจาก
กิเลส โดยตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง และยังทรงสั่งสอนให้ผู้อื่นสามารถดับกิเลสได้ด้วย
ดังนั้น การเห็นหรือการรู้จักพระองค์อย่างแท้จริง คือการรู้จักว่าพระองค์ตรัสรู้
อะไร และทรงต่างจากผู้อื่นอย่างไร ซึ่งการรู้จักพระผู้มีพระภาคขั้นสูงสุดคือการเป็น
พระอริยบุคคล ส่วนขั้นต้นคือความเข้าใจจากการฟังพระธรรมตามที่ทรงแสดงไว้ครับ
เรียนถามค่ะ
มรรคจิต 4 ผลจิต 4 มีอะไรบ้างคะ
ขอบพระคุณค่ะ
มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ คือ
โสดาปัตติมรรคจิต --> โสดาปัตติผลจิต
สกิทาคามิมรรคจิต --> สกิทาคามิผลจิต
อนาคามิมรรคจิต --> อนาคามิผลจิต
อรหัตตมรรคจิต --> อรหัตตผลจิต
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
เห็นธรรม หมายถึง รู้ด้วยปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม ต้องบรรลุเป็นพระโสดาบัน
ปุถุชนเป็นผู้หนาด้วยกิเลส ไม่เห็นธรรม ต้องเป็นผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐานจนกว่า
ปัญญาจะมีกำลังมาก ได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เมื่อนั้นจึงจะชื่อว่าเห็นธรรมค่ะ
ผู้ที่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ได้เห็นธรรม
ผู้นั้นไม่ชื่อว่า เห็นพระพุทธองค์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ผู้ใดเห็นธรรมขั้นโสดา ผู้นั้นก็เห็นเราในชั้นโสดา..สกิทคา อนาคา อรหันต์ ... ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา....ก็เห็นอะไรเล่าเห็นแล้วเป็นอจลศรัทธา แบบเชื่อ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และแน่ใจแบบถอนไม่ขึ้น เห็นแล้วละความสงสัยเบื้องต้นทั้งสิ้น ว่า บาป บุญ นรกสวรรค์ กรรม ผลของกรรม มีหรือไม่มี ศิล5 เป็นเจตนาอันตโนมัติ สมุทเฉท ก็เห็นอันนั้นหล่ะครับ... พระโสดา (เบื้องต้น)