จะต้องศึกษาปริยัติธรรมละเอียดสักแค่ไหนจึงจะปฏิบัติได้ !

 
พุทธรักษา
วันที่  11 พ.ย. 2552
หมายเลข  14214
อ่าน  1,586

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ถามว่าจะต้องศึกษาปริยัติธรรมละเอียดสักแค่ไหน จึงจะปฏิบัติได้. ซึ่งก็ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ว่าเป็นปริยัติธรรมที่ละเอียดนี้นะคะ ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย แต่อยู่ที่ทุกท่านในขณะนี้ ตามปกติ ตามความเป็นจริง เพียงแต่ว่า ท่านจะเข้าใจ "ลักษณะของสภาพธรรม" ที่กำลังเกิดและ กำลังปรากฏที่ตัวท่านแต่ละบุคคล ได้อย่างละเอียดแค่ไหน. แม้ไม่ทราบเรื่องของปัจจัยโดยละเอียด ก็ทราบว่า สภาพธรรรมที่กำลังเกิด และปรากฏในขณะนี้เป็นนามธรรมบ้าง เป็นรูปธรรมบ้าง เช่น กำลังเห็น เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นนามธรรม เสียง เป็นรูปธรรม ได้ยิน เป็นนามธรรม เป็นต้น นี่คือเข้าใจโดยความไม่ละเอียด เพราะว่าแม้จะเข้าใจอย่างนั้น ก็ยังยึดถือเห็น ยึดถือได้ยิน ยึดถือสิ่งที่ปรากฏทางตา ยึดถือเสียงที่ปรากฏทางหู ฯลฯว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นวัตถุต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรม ก็ยังไม่พอ.

เพราะฉะนั้น ที่จะปฏิบัติธรรม ไม่ใช่รอให้เรียนจบ หรือให้ละเอียดถึงขั้นนั้น ขั้นนี้ แต่ขณะใด ที่ศึกษาเรื่องของสภาพธรรมที่กำลังมีอยู่ เกิดขึ้น และปรากฏ และมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเป็น "สังขารขันธ์" ปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้น และ ระลึกได้ ตามที่เข้าใจแล้ว ว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง คือ ความเข้าใจว่า ที่ไม่ใช่ตัวตนนั้น หมายความว่า สภาพธรรมใดที่ไม่ใช่ตัวตน ก็เพราะว่า สภาพธรรมนั้นเป็น นามธรรม ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือ เป็น รูปธรรม ชนิดใดชนิดหนึ่ง

แต่แม้กระนั้น ทุกท่านก็กล่าวว่า หลงลืมสติมากเหลือเกิน.! ก็เพราะเหตุว่า การฟัง การเข้าใจในสภาพธรรม ยังไม่ละเอียดพอ ยังไม่เป็น "พหูสต" ยังไม่เป็น "ปัจจัย" ที่ทำให้เกิดการพิจารณาลักษณะของสภาพธรรม ตามที่ได้ยินได้ฟัง จนกระทั่งเป็น "ความเข้าใจที่แจ่มแจ้งขึ้น ชัดเจนขึ้น" และเป็น "สัญญาที่มั่นคง" ทำให้ไม่หลงลืม จนกระทั่ง "สติ" สามารถที่จะเกิดขึ้น ระลึก และ "ปัญญา" รู้ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน

ข้อความบางตอนจากเทปชุด ปัฏฐาน (ปัจจัย ๒๔) ตอนที่ ๑

โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 11 พ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
anong55
วันที่ 11 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Sam
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ups
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Komsan
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 13 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
noynoi
วันที่ 14 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 16 พ.ค. 2553

มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ถามว่าจะต้องศึกษาปริยัติธรรมละเอียดสักแค่ไหน จึงจะปฏิบัติได้

ท่านอาจารย์สุจินต์ ซึ่งก็ขอเรียนให้ทราบว่าที่ว่าเป็นปริยัติธรรมที่ละเอียดนี้นะคะ ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลยแต่อยู่ที่ทุกท่านในขณะนี้ ตามปกติ ตามความเป็นจริง เพียงแต่ว่า ท่านจะเข้าใจ "ลักษณะของสภาพธรรม" ที่กำลังเกิดและ กำลังปรากฏที่ตัวท่านแต่ละบุคคล ได้อย่างละเอียดแค่ไหน

แม้ไม่ทราบเรื่องของปัจจัยโดยละเอียด ก็ทราบว่า สภาพธรรรมที่กำลังเกิด และปรากฏในขณะนี้เป็นนามธรรมบ้าง เป็นรูปธรรมบ้าง เช่น กำลังเห็น เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นนามธรรม เสียงเป็นรูปธรรม ได้ยินเป็นนามธรรม เป็นต้น นี่คือเข้าใจโดยความไม่ละเอียดเพราะว่าแม้จะเข้าใจอย่างนั้น ก็ยังยึดถือเห็น ยึดถือได้ยินยึดถือสิ่งที่ปรากฏทางตา ยึดถือเสียงที่ปรากฏทางหู ฯลฯว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นวัตถุต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรม ก็ยังไม่พอ เพราะฉะนั้น ที่จะปฏิบัติธรรมไม่ใช่รอให้เรียนจบ หรือให้ละเอียดถึงขั้นนั้น ขั้นนี้ แต่ขณะใด ที่ศึกษาเรื่องของสภาพธรรมที่กำลังมีอยู่ เกิดขึ้น และปรากฏ และมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเป็น "สังขารขันธ์" ปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้นและ ระลึกได้ ตามที่เข้าใจแล้ว ว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง คือ ความเข้าใจว่า ที่ไม่ใช่ตัวตนนั้น หมายความว่า สภาพธรรมใดที่ไม่ใช่ตัวตน ก็เพราะว่า สภาพธรรมนั้นเป็น นามธรรม ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือ เป็น รูปธรรม ชนิดใดชนิดหนึ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ