ผู้มีความถือมั่นถวายโภชนะแก่ท่านผู้ไม่มีความถือมั่น [ภิกขาปรัมปรชาดก]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ 536
ข้อความบางตอนจาก ภิกขาปรัมปรชาดก
บัดนี้ ข้าพเจ้าขอถามท่านพราหมณ์ผู้โคดมอันพระราชาทรงบูชา พระราชาทรงพระราชทานภัต อัน มีแกงเนื้ออย่างสะอาดแก่ท่าน ท่านรับภัตนั้นแล้วได้ถวาย
โภชนะแก่ฤาษี ชะรอยท่านจะรู้ว่าตนมิได้เป็นเขตแห่งทาน ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่
ท่าน ธรรมข้อนี้เป็นธรรมอะไรของท่าน.
ข้าพเจ้ายังกำหนัดอยู่ในเรือนทั้งหลาย ต้องเลี้ยงบุตรและภรรยา ถวายอนุศาสน์แก่พระราชา เชิญให้เสวยกามอันเป็นของมนุษย์ ข้าพเจ้าควรถวายโภชนะแก่ฤาษีผู้อยู่ในป่าสิ้นกาลนาน ผู้เรืองตบะเป็นวุฒิบุคคลอบรมตนแล้ว.
บัดนี้ ข้าพเจ้าขอถามท่านฤาษีผู้ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น มีเล็บและขนรักแร้งอกยาว ฟันเขลอะมีธุลีบนศีรษะ ท่านอยู่ในป่าผู้เดียวไม่ห่วงใยชีวิต ภิกษุที่ท่าน
ถวายโภชนะนั้นดีกว่าท่านด้วยคุณข้อไหน.
อาตมภาพยังขุดเผือก มันมือเสือ มันนก ยังเก็บข้าวฟ่างและลูกเดือยมาตากตำเที่ยวหาฝักบัวเหง้าบัว น้ำผึ้ง เนื้อสัตว์ พุทราและมะขามป้อมมาบริโภค ความยึดถือ
นั้นของอาตมายังมีอยู่ เมื่ออาตมายังหุงต้ม ก็ควรถวายโภชนะแก่ท่านผู้ไม่หุงต้ม ยัง
มีกังวลก็ควรถวายโภชนะแก่ผู้ไม่มีความห่วงใย ยังมีความถือมั่น ก็ควรถวายโภชนะ
แก่ท่านผู้ไม่มีความถือมั่น.
บัดนี้ กระผมขอถามท่านภิกษุผู้นั่งนิ่ง มีวัตรอันดี พระฤาษีถวายภัตตาหารอันปรุงด้วยเนื้อสะอาดแก่ท่านดังนั้น ท่านรับภัตตาหารนั้นแล้วนั่งนิ่ง ฉันอยู่องค์เดียว
ไม่เชื้อเชิญใครๆ อื่น กระผมขอนมัสการแก่พระคุณท่าน นี้เป็นธรรมอะไรของ
พระคุณท่าน.
อาตมาไม่ได้หุงต้มเอง ไม่ได้ให้ใครหุงต้ม ไม่ได้ตัดเอง ไม่ได้ให้ใครตัด ฤาษีรู้ว่าอาตมาไม่มีความกังวล เป็นผู้ห่างไกลจากบาปทั้งปวง จึงถือภิกษาหารด้วยมือซ้าย
ถือเต้าน้ำด้วยมือขวา ถวายภัตตาหารอันปรุงด้วยเนื้อสะอาดแก่อาตมา บุคคลเหล่านี้
ยังมีความห่วงใย ยังมีความยึดถือ จึงสมควรจะให้ทาน อาตมาเข้าใจเอาว่า การที่
บุคคลเชื้อเชิญผู้ให้นั้นเป็นการผิด.