อินเดีย ... อีกแล้ว 9 พุทธคยาที่คุ้นเคย
พุทธคยาที่คุ้นเคย
ได้มีโอกาสกราบนมัสการแท่นวัชรอาสน์ สถานที่ตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ เจ้าใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์มาแล้ว ๕ ครั้ง รู้สึกคุ้นเคย จนนึกไม่ออกว่ามีอะไรต้องเล่าอีก หรือเปล่า แต่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์ว่า เห็นขณะนี้กับขณะที่ผ่านไปก็ไม่เหมือนกัน สิ่งที่ปรากฏทางตาขณะนี้กับขณะที่ผ่านไปก็ไม่เหมือนเดิม เช่นเดียวกับความคิดนึก ขณะนี้กับขณะที่ผ่านไปก็ไม่ซ้ำกันเลย ทุกขณะผ่านไป ไม่หวนกลับมาเกิดซ้ำอีกใน สังสารวัฏฏ์ จิตเกิดใหม่ทุกขณะ เกิดแล้วก็ดับไป จิตจึงไม่แก่เลย มีแต่สะสมกุศลและ อกุศลเพิ่มขึ้นทุกขณะ (ส่วนใหญ่เป็นอกุศล จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมบางคนแก่ แล้วยังทำอกุศลจนตกเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ) รูปเท่านั้นที่เกิดความแก่ปรากฏให้เห็น คนแก่ ก็เพราะรูปเสื่อม ทำให้เกิดทุกขเวทนาต่างๆ ก่อให้เกิดอกุศลจิต เกิดความท้อถอย เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า เลยทำให้เป็นคนแก่ทั้งกายและใจ
สายการบินเจ็ตแอร์ไลน์เป็นสายการบินใหม่ของอินเดีย เครื่องบินก็ใหม่ แม้จะลำเล็ก ไปหน่อย แต่ก็สามารถพาพวกเรา ๗๑ ชีวิตและผู้โดยสารอื่นๆ อีกเป็นร้อยเหาะจาก สนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินคยาได้โดยสวัสดิภาพ ในราคาพิเศษ ถึงสนามบินคยา เวลา ๑๐.๑๐ น. ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเข้าคิวคอย นานเหมือนทุกครั้ง ต้องขอบคุณผู้จัดการ (คุณขาว) จริงๆ ค่ะ
ไกด์ชาวอินเดียมาคอยบริการพาไปโรงแรมทัจ ดาร์บาร์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ห่าง พระเจดีย์มากพอสมควร ไม่สามารถจะเดินไปได้ อยู่ติดๆ กับโรงแรมรอยัลเรสซิเดนซี ทำให้เห็นว่าโรงแรมรอยัลเรสซิเดนซีเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง (ตามมาตรฐานของคยา) จริงๆ ด้วย
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันรสชาติอร่อยคล้ายๆ กับอาหารไทยแล้ว ก็พากันนั่งรถไป ที่พระเจดีย์ พวกเรา ๔๓ คน ต้องแยกออกเป็นรถ ๒ คัน เป็นรสบัสและรถตู้ พวกหนึ่ง จะไปบ้านนางสุชาดา ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ท่านเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระ โพธิสัตว์ก่อนวันตรัสรู้ ในวันเพ็ญ เดือน ๖ เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ความดีของท่านก็ ยังจารึกให้ได้อนุโมทนามาจนถึงทุกวันนี้
เราเลือกจะไปไหว้พระเจดีย์ จึงมารถตู้ซึ่งมีคณะติดตามมาด้วยหลายคน ได้แวะถวาย หนังสือและซีดีของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่วัดป่าไทยพุทธคยา ตั้ง อยู่ใกล้พระเจดีย์ เนื่องจากคุณไตรสรคมน์ได้ไปทอดกฐินที่วัดไทยพุทธคยาก่อนหน้าที่ เราจะไปอินเดีย แจ้งให้ทราบว่า เจ้าอาวาสเคยฟังท่านอาจารย์สุจินต์ตั้งแต่ยังเป็น สามเณร และได้ขอหนังสือและซีดีเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและต่างชาติ วัดป่าไทยพุทธคยาใหญ่โตกว่าเมื่อ ๑๐ เดือนก่อนมาก โบสถ์ใหญ่ที่วางศิลาฤกษ์เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์นั้น ใกล้จะเสร็จแล้ว ใหญ่โตสวยงามมาก เป็นศิลปะทางเหนือ แต่เรา ดูเหมือนวัดพม่า ขออนุโมทนาในกุศลจิตของผู้สร้างด้วยค่ะ
ไม่ได้พบกับเจ้าอาวาส เพราะท่านกลับมาเมืองไทย แต่ก็ได้คุยกับพระไทยหลายรูปที่ มาจำพรรษาที่วัด
พระเจดีย์พุทธคยา (บางแห่งเรียก มหาสถูปพุทธคยา) ซึ่งมีความสูง ๕๑ เมตร วัดรอบ ฐาน ๕๘.๗๖ เมตร สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าหุวิชกะ ระหว่าง พ.ศ. ๖๗๔ – ๖๙๔ เพราะ ทรงเห็นว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นถูกทำลายได้ง่าย หรือตายได้เอง จึงทรงสร้างพระ เจดีย์ขึ้นในสถานที่ตรัสรู้ เพราะมีความมั่นคงยืนยาวกว่า
ในเวลาบ่ายเช่นวันนี้ บริเวณเจดีย์พุทธคยาดูเงียบสงบ ไม่มีเทศกาลที่ติดธงทิว มากมายเช่นเดิม เราได้เดินประทักษิณและได้กราบที่แท่นวัชรอาสน์ที่ว่างผู้คน ดี เหลือเกินที่ได้นั่งใกล้ชิดใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ร่มเย็น แค่ได้นั่งนิ่งๆ ก็มีความสุข เหลือเกิน เมื่อนึกคิดว่า สถานนี้ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคทรงประทับนั่งตรัสรู้พระ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
นั่งนิ่งๆ สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่ก็นำใบโพธิ์ที่หล่นอยู่บนหลังคามาให้ห่อ ใหญ่ (แลกกับรูปีเช่นเคย) ระหว่างที่กำลังรวบรวมอยู่ ก็มีชาวศรีลังกา ชาวอินเดีย ชาว พม่าทั้งชายและหญิงมาขอใบโพธิ์ ขณะที่มอบให้ผู้มีศรัทธาเช่นเดียวกันนั้น รู้สึกว่าดี เหลือเกินในการเป็นผู้ให้ (มานะอีกเช่นเคย แต่ยังเป็นปุถุชนก็ยังต้องมีนะคะ) รู้สึกว่าจิต ใจปลอดโปร่ง อิ่มเอิบกว่าการเป็นผู้รับมาก
ท่านอาจารย์เริ่มสนทนาธรรมที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิเวลา ๑๕.๐๐ น. มีข้อความน่า สนใจมากมาย แต่เหมือนเดิมคือ ความทรงจำสั้นมาก เหมือนรอยขีดในน้ำ หายไปหมด แล้วค่ะ อยากจะได้เทปที่บันทึกเสียงไว้มาถ่ายทอด ก็ยังไม่ได้เลยค่ะ ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่า การเล่าเรื่องราวครั้งนี้จะพยายามให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านมากที่สุด คือ ถอดเทปธรรม ที่ท่านอาจารย์บรรยายด้วย เมื่อยังไม่ได้เทป ก็คงได้แค่นี้เองค่ะ
รูปเท่านั้นที่เกิดความแก่ปรากฏให้เห็น
คนแก่ก็เพราะรูปเสื่อม ทำให้เกิดทุกขเวทนาต่างๆ
ก่อให้เกิดอกุศลจิต เกิดความท้อถอย
เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า เลยทำให้เป็นคนแก่ทั้งกายและใจ
จิตเกิดใหม่ทุกขณะ เกิดแล้วก็ดับไป จิตจึงไม่แก่เลย
มีแต่สะสมกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นทุกขณะ
ขออนุโมทนาครับ
คุณป้าขา...ปอมคิดถึงคุณป้าค่ะ
อนุโมทนาในบุญกุศลทุกประการของคุณป้านะคะ
^_^