อารัมมณาธิปติปัจจัย [๑]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทั้งๆ ที่เป็นเจตสิกที่เกิดร่วมกัน แล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว แต่เจตสิกแต่ละเจตสิก ก็เป็นปัจจัยตามลักษณะของตนๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง "ความเป็นอนัตตา" จริงๆ สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ที่จิตกำลังรู้ สิ่งนั้นเป็นปัจจัยของจิตที่รู้ โดยความเป็นอารมณ์คือเป็น อารัมมณปัจจัย
แต่สำหรับ อารัมมณาธิปติปัจจัย ไม่ใช่เพียงอารมณ์ธรรมดาๆ แต่ต้องเป็นอารมณ์ที่หนักแน่น ที่ควรได้ ไม่ควรทอดทิ้ง หรือว่า ไม่ควรดูหมิ่นด้วยอำนาจความเคารพยำเกรง หรือด้วยอำนาจความปรารถนา
เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่า โลภมูลจิต เกิดบ่อยมากในชีวิตประจำวัน แต่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่า ทันทีที่เห็น ก็หลงลืมสติ และเกิดความยินดีพอใจในสิ่งที่เห็นรวมถึง ความยินดีในการเห็นด้วย ไม่มีท่านผู้ใดที่อยากจะไม่เห็น หรือว่าไม่อยากจะเห็นอีกแล้ว
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ปกติในชีวิตประจำวัน มีความยินดี มีความพอใจในสิ่งที่ปรากฏ เพียงแต่ท่านไม่ทราบเท่านั้นเองว่า ถึงแม้จะนั่งเฉยๆ แล้วเห็น แม้ยังไม่ได้กระทำกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางกาย ทางวาจา แต่โลภมูลจิต ก็เกิดขึ้น เป็นไปในอารมณ์ที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือ ทางใจแล้ว
แต่ว่า ถ้าอารมณ์นั้น ไม่มีกำลัง คือ ไม่เป็นอารมณ์ที่หนักแน่น หรือว่า ไม่เป็นอารมณ์ที่ควรทอดทิ้งขณะนั้น หมายความว่า อารมณ์นั้น ไม่ใช่ อารัมมณาธิปติปัจจัย เพราะฉะนั้น ในวันหนึ่งๆ โลภะเกิดก็เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป แล้วแต่ว่า ขณะใด ซึ่งปรารถนาอย่างยิ่งในอารมณ์ใด อารมณ์นั้น เป็น อารัมมณาธิปติปัจจัย
ข้อความบางตอนจากเทปชุด ปัฏฐาน (ปัจจัย ๒๔) ตอนที่ ๓
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
แต่ก่อนฟังธรรม ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเมื่อเจอะเจอสิ่งที่ถูกใจ ชอบใจ แม้จะขณะขับรถสวนทางกันอย่างรวดเร็ว แต่ภาพนั้นๆ ก็ยังติดตา ตรึงใจอะไรจะปานนั้น บางครั้งอยากให้ภาพที่ติดตาอยู่นั้น ให้มันติดตาตรึงใจอยู่ไปอีกนานๆ มันก็ไม่ได้ดั่งใจหวัง บางครั้งขับรถสวนกับอะไรก็ไม่รู้ เช่นหากขับรถสวนกับคนธรรมดาก็จะธรรมดา แต่หากสวนกับคนสวยๆ ภาพสาวสวยคนนั้นก็จะดูเหมือนจะติดตาอยู่นาน
เมื่อได้อ่านกระทู้นี้ ผมก็พอเข้าใจว่า เหตุการณ์ตัวอย่างของผมดังกล่าวมันเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยแก่โลภมูลจิตของผมจริงๆ และที่อยากให้มันติดอยู่นานๆ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน ก็คงเพราะจิตเกิดดับตามเหตุปัจจัยไม่อาจจะบังคับบัญชามันได้ ทุกอย่างเป็นธรรมะ อย่างที่อาจารย์สุจินต์ท่านมักกล่าวคำนี้บ่อยๆ จริงๆ ครับ ก็ขออนุโมทนาครับ