ประวัติพระพุทธศาสนาของศรีลังกา (ตอน ๔) พระมหาเสยะเจดีย์

 
sutta
วันที่  20 พ.ย. 2552
หมายเลข  14303
อ่าน  2,883

เรื่องราวจากตอนที่แล้ว ซึ่งได้มีผู้บรรลุมากมายที่ศรีลังกาจากการแสดงธรรมของพระมหินเถระที่มาจากชมพูทวีป (อินเดีย) ซึ่งต่อมาพระมหินเถระและภิกษุทั้งหลายก็อยู่จำพรรษา ถึงวันปวารณาได้ทูลคำนี้กับพระราชาว่าอยากจะกลับไปชมพูทวีปเพราะไม่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้านานแล้ว พระราชาตรัสว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วมิใช่หรือซึ่งพระเถระก็ทูลพระราชาว่า แม้ปรินิพพานไปแล้วแต่ว่าพระบรมสารีริกธาตุนั้นยังอยู่พระราชาจึงทรงทราบทันทีว่า พระเถระปรารถนาให้สร้างพระสถูป เพื่อที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระเถระได้ให้พระราชาไปบอกเรื่องนี้กลับสุมนสามเณรที่ได้ติดตามพระเถระมาด้วย ซึ่งสุมนสามเณรเป็นพระอรหันต์แล้วและมีฤทธิ์ ได้อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากพระเจ้าอโศกมหาราชมาบางส่วนและอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้าด้านขวา) ที่พระอินทร์ทรงครอบครองไว้ อันเชิญมาประดิษฐานที่ศรีลังกา

ดังนั้น พระบรมสารีริกธาตุที่สุมนสามเณรอันเชิญมา มี 2 ส่วนคือที่ได้จากพระเจ้าอโศกมหาราชส่วนหนึ่งและส่วนที่สองคือจากพระอินทร์ที่เป็นส่วนพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้าด้านขวา)

ส่วนพระบรมสารีริกธาตุที่ได้จากพระเจ้าอโศก ซึ่งได้ประดิษฐานที่ เจติยบรรพต (มิสสกบรรพต) อันเป็นสถานที่ที่พระมหินเถระและคณะภิกษุสงฆ์ได้เหาะมาจากชมพูทวีปมาลงที่เกาะลังกาครั้งแรก และได้พบกับพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ ซึ่งชาวศรีลังกาได้สร้างเจดีย์ชื่อ พระมหาเสยะเจดีย์ (Mahaseya Pagoda) ซึ่งสำหรับผู้ที่จะได้เดินทางไปประเทศศรีลังกา คงได้มีโอกาสไปพระมหาเสยะเจดีย์ เมื่อรู้ประวัติความเป็นไปของพระเจดีย์นี้ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันได้มาจากพระเจ้าอโศกย่อมทำให้ซาบซึ้ง ระลึกถึงพระคุณได้มากชึ้นไม่มากก็น้อยครับ

พระมหาเสยะเจดีย์

อันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระเจ้าอโศกและเป็น สถานที่ที่พระเถระทั้งหลายผู้เป็นพระอรหันต์อันมาจากชมพูทวีปมาประกาศพระศาสนาที่ศรีลังกาได้มาถึงที่นี่ครั้งแรก

พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่สองที่ได้มาจากพระอินทร์นั่นคือ พระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้า) ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุส่วนนี้เองที่ได้แสดงปาฏิหารย์หลายอย่างก่อนที่จะประดิษฐานในพระสถูป อันเป็นสิ่งที่ควรเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง

การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 383

ท้าวมฆวานเทพกุญชร ผู้เป็นอธิบดีในสวรรค์ชั้นไตรทศ ทรงสดับคำนี้แล้ว เมื่อจะยังเทวดาชั้น ดาวดึงส์ให้เลื่อมใส จึงได้ตรัสคำนี้กะมาตลีเทพสารภีว่า ดูก่อนมาตลี ท่านจงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ไทยธรรม (ของบูชา) ที่เทพธิดานี้กระทำแล้ว ถึงจะน้อย บุญก็มีผลมาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า หรือในสาวกของพระองค์ก็ตาม ทักษิณา ไม่ชื่อว่าน้อยเลย มาเถิด มาตลี แม้ชาวเราทั้งหลาย ก็ควรจะพากันบูชา พระบรมธาตุของพระตถาคต ให้ยิ่งยวดขึ้นไป เพราะการสั่งสมบุญ นำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคตยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม เสด็จปรินิพพานแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำเสมอ ผลบุญก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบ สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายกระทำสักการะใน พระตถาคตเหล่าใดแล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้น ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ


  ความคิดเห็นที่ 3  
 
petcharath
วันที่ 20 พ.ย. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 20 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 21 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 21 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ups
วันที่ 21 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
booms
วันที่ 21 พ.ย. 2552
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิต ด้วยค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Jans
วันที่ 21 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 23 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

เรียบเรียงเรื่องราวได้ดี มีการท้าวความเดิมด้วย (เผื่อลืม 55) แถมสรุปให้อีก จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ :D

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
aditap
วันที่ 6 มี.ค. 2553

ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ พระบรมสารีริกธาตุของพระศาสดาเท่าที่ได้อ่านข้อความใน อรรถกถา ว่ามีสันฐานดั่งเมล็ดข้าวสารหัก เมล็ดผักกาด เมล็ดถั่วแตก นั้น และที่ได้มีโอกาศเห็นที่ มศพ นั้น เข้าใจว่าลักษณะตรงตาม อรรกถาแต่ที่ได้เห็นที่หนังสือจดหมายเหตุ ภูเขาทอง และที่อื่นๆ นั้น เช่นที่ อินเดียนั้นลักษณะนั้นแตกต่างกัน จึงขอความเมตตา ช่วยตอบให้เข้าใจขึ้นด้วยครับ

ขอบพระคุณมากครับ.......

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
aditap
วันที่ 6 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
saifon.p
วันที่ 7 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ