โสดาบันผล จำเป็นต้องเกิดจากการเจริญสติปัฏฐาน เสมอไปหรือไม่ครับ ?
พระโสดาบันมีกี่ประเภท กี่จำพวก แต่ละพวกต่างกันอย่างไรครับ และการเข้าถึง บรรลุเป็นพระโสดาบันของแต่ละคนต่างกันหรือไม่อย่างไรครับ ได้ข่าวว่าบางคนแค่โกนผมก็เป็นโสดาบันได้ บางคนแค่ได้ฟังธรรมตามพระพุทธเจ้าก็ได้? (ปัญญาที่เกิดจากการฟังนี่พอแล้วหรือครับ?) หรือเขาฟังแล้วเขาคิดตาม เกิดจินตามยปัญญา หรือขณะที่เขาฟังเขาวิปัสสนาไปด้วยเลยได้บรรลุโสดาบัน? โสดาบันสามารถเข้าถึงได้จากการใช้จินตามยปัญญา คิดพิจารณาโดยแยบคายได้หรือไม่ครับ หรือว่าต้องผ่านสติปัฏฐานอย่างเดียว แล้วสติปัฏฐานของพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ต่างกันอย่างไรครับ? ขออนุโมทนาในธรรมทาน และเมตตาจิตของทุกท่านครับ...
๑. การคบสัตบุรุษ ๒. การฟังพระสัทธรรมของท่าน ๓. การพิจารณาโดยแยบคาย ๔. การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ข้อ 1 นี่ได้แก่ใครบ้างครับ อย่างไรถึงจะเรียกได้ว่าสัตบุรุษครับ?
ข้อ 4 นี่จำเป็นต้องปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เสมอไปใช่หรือไม่ครับ?
ปล... ถามเพราะผมต้องการจะถึงที่สุดแห่งทุกข์เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ครับ ขอขอบคุณครับ...
พระโสดาบันมี ๓ จำพวก เพราะอินทรีย์ต่างกัน ภพที่เหลือจึงต่างกัน การบรรลุเป็นพระโสดาบันต้องอาศัยการเจริญภาวนา จึงจะบรรลุได้แม้ในขณะที่ปลงผมหรือฟังพระธรรม หรือการพิจารณาธรรมอยู่ ขณะนั้นภาวนาก็เกิดได้ ท่านจึงบรรลุได้ทุกสถานที่ สติปัฏฐานของพระอริยบุคคลต่างกันตรงที่ปัญญา ถ้าปัญญาคมกล้าก็สำเร็จมรรคเบื้องสูงขึ้นไปตามลำดับ
คำว่า สัตบุรุษ ส่วนใหญ่ท่านหมายถึง พระพุทธเจ้า และพระอริยเจ้า การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม มีหลายระดับ ตั้งแต่ขั้นศีล ขั้นสมถะ ขั้นสติปัฏฐาน ขั้นมรรค ..
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การเข้าถึง บรรลุเป็นพระโสดาบันของแต่ละคนต่างกันหรือไม่อย่างไรครับ
การบรรลุเป็นพระอริยบุคคลเริ่มตั้งแต่พระอริยบุคคลขั้นแรกคือพระโสดาบันนั้น ต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้องและก็มีหนทางเดียวในการบรรลุเป็นพระอริยบุคคล คือการเจริญสติปัฏฐาน คือการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แต่จากที่คุณได้อธิบายมาว่าบางคนก็ฟังธรรมแล้วบรรลุ บางคนก็เพียงโกนผมแล้วก็บรรลุ ซึ่งหากเราย้อนดูประวัติในอดีตของพระสาวกในชาติก่อนๆ ท่านก็ได้ฟังธรรม ได้อบรมปัญญามาก่อน กว่าจะได้บรรลุในชาตินี้ เมื่อพอถึงชาติปัจจุบันอินทรีย์แก่กล้าพร้อมที่จะบรรลุ ขณะที่โกนผม พระที่โกนให้ก็แสดงธรรมสั้นๆ ขณะนั้นก็บรรลุ หรือพระพุทธเจ้าก็แสดงธรรมแล้วก็บรรลุ เมื่อเป็นสาวกจึงต้องอาศัยการฟัง แต่การบรรลุได้ก็คือในขณะนั้นการประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ นั่นก็คือการเจริญสติปัฏฐานนั่นเองครับ เป็นหนทางเดียว
ดังนั้นไม่ว่าใคร บุคคลใดก็ต้องอบรมเจริญสติปัฏฐานหรืออริยมรรค 8 เท่านั้น ถึงจะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลครับแต่กุศลประการต่างๆ ก็จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เป้นไปในการบรรลุด้วยครับ นั่นคือบารมี 10 นั่นเองครับ
(ปัญญาที่เกิดจากการฟังนี่พอแล้วหรือครับ?) หรือเขาฟังแล้วเขาคิดตาม เกิดจินตามยปัญญา หรือขณะที่เขาฟังเขาวิปัสสนาไปด้วยเลยได้บรรลุโสดาบัน?
ไม่มีคำว่าพอตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลส ดังนั้นปัญญาขั้นการฟังก็คือปัญญาขั้นการฟังไม่สามารถประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ได้ ยังไม่เพียงพอที่จะละกิเลสได้ แต่ปัญญาขั้นการฟังนี่เองเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ปัญญาเจริญขึ้นไปสู่การรู้ความจริงในขณะนี้ (สติปัฏฐาน) และได้วิปัสสนาญาน และถึงความเป็นพระอริยบุคคลดับกิเลสได้ครับ ดังนั้นการเริ่มต้นที่ถูกต้องคือปัญญาขั้นการฟังที่ถูกต้องจึงเป้นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นเบื้องต้นไปสู่การดับกิเลสทั้งหมดครับ ซึ่งจริงแล้วปัญญาสามารถเจริญติดต่อกันไปในขณะฟังสำหรับผู้ที่อบรมปัญญามามากแล้ว ขณะที่ฟังก็สามารถประจักษ์ความจริงเกิดวิปัสสนาญานต่อจนบรรลุได้ครับเพราะได้อบรมปัญญามามากแล้วนั่นเอง
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ...สัตบุรุษ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงอริยมรรคมีองค์แปดเป็นหนทางเอกที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ คือการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ถ้าไม่อบรมเจริญสติปัฏฐานกี่ภพกี่ชาติก็ไม่มีทางบรรลุ มรรค ผล นิพพาน การคบสัตบุรุษ ก็คือการฟังธรรมให้เข้าใจก่อนค่ะ