การดูหนัง ฟังเพลง อ่านนิยาย เป็นการสะสมอกุศลมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า
อยากจะเรียนถามครับ ว่า ดูหนังฟังเพลง อ่านนิยาย รึแม้แต่อ่านหนังสือพิมพ์ เป็นการเพิ่มกิเลส สะสมอกุศลมากขึ้นใช่ไหมครับ
เหตุที่ถาม เพราะ ผมจะชอบดูหนัง ฟังเพลงมาก แต่พอมาศึกษาธรรมะ ได้ยินได้ฟังเรื่อง กุศล และอกุศล ทำให้ตัวเองเดียวนี้ระวังมากขึ้นในสิ่งที่เราได้เห็น อะไรต่างๆ ในชิวิต จนบางทีไม่อยากจะดูหนังรึฟังเพลงเพราะดูหนังความรู้สึกเราจะขึ้นลงไปกะตัวละคร ซึ่งคิดว่าไม่ว่าจะชอบใจ รึไม่พอใจไปกะหนัง กะข่าวที่เราอ่าน มันต้องเป็นอกุศลแน่เลย
ในชีวิตประจำวันของปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส ไม่ใช่แค่การดูหนังฟังเพลง อ่านนิยายเท่านั้น แม้การดำเนินชีวิต ทุกๆ ขณะ ตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงหลับไป เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำแต่งตัว กินข้าว ขับรถเดินทาง ทำงาน ก็เป็นไปกับอกุศลทั้งนั้น อกุศลชวนะก็สะสมไปเรื่อยๆ เว้นแต่ขณะที่เป็นไปในการกุศล คือ ทาน ศีล และภาวนา ที่เหลือจิตก็เป็นไปกับอกุศลทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อเข้าใจตามเป็นจริงแล้ว ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จิตเป็นสภาพธรรมที่สะสม ขณะใดที่เป็นกุศลหรืออกุศลขณะนั้นก็สะสมไปในทางที่ดีหรือไม่ดีต่อไป ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา มีเหตุปัจจัยก็ได้เห็น ได้ยิน ได้ดูหนัง ได้ฟังเพลง ได้ยินธรรม การอบรมปัญญาคือเข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดแล้ว ว่าความจริงคือเป้นธรรมทั้งหมด อกุศลเกิดขึ้นเป็นธรรม กุศลเกิดขึ้นเป็นธรรม เข้าใจตรงนี้ก่อนว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้นไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ไม่ดูหนังไม่ ฟังเพลงแต่ในขณะนั้นก็มีสิ่งที่ควรรู้ อันดับแรกคือรู้ว่าเป็นไม่ใช่เรา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อปัญญาเจริญขึ้นมากขึ้น ก็ย่อมรู้ว่าอะไรควรเว้น อะไรควรเสพ สิ่งที่ควรเว้นคือสิ่งที่ทำให้อกุศลเจริญขึ้น สิ่งที่ควรเสพคือสิ่งที่ทำให้กุศลเจริญขึ้น ผู้มีปัญญาจึงเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศล ทุกๆ ประการและเห็นโทษในสิ่งที่ทำให้อกุศลเจริญขึ้นและไม่ทิ้งการฟังพระธรรมครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขณะใดที่ไม่ได้เป็นไปในทาน ในศีล ในภาวนา ขณะนั้นก็เป็นอกุศล ถึงจะไม่ดูหนัง ไม่ฟังเพลง ที่สำคัญคือมีปัญญา ไม่ประมาท ไม่ขาดการฟังธรรม ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าสอนให้ละความเห็นผิดก่อน ไม่ใช่ละโลภะก่อนค่ะ
โดยปกติแล้ววันนึงๆ จิตเป็นไปกับอกุศลมากกว่ากุศลก็จริงอยู่แต่อกุศลก็มีหลายระดับ อกุศลบางอย่างก็มีโทษมาก หากเกิดบ่อยๆ ควรที่จะสั่งสมต่อไปหรือไม่ค่ะ?
พระพุทธเจ้าสอนให้ละความเห็นผิดก่อน ไม่ใช่ละโลภะก่อนค่ะ
สาธุ
เราทำบาปทำกรรมไว้มากมายแค่ไหน ไม่มีใครรู้ ชาติหน้า จะได้เกิดมาเป็นคน เพื่อ ฟังเพลง อ่านนิยาย อ่านหนังสือพิมพ์ ดูหนัง ฟังธรรมะ และ "ทำงาน" หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ จะรอ บุญกุศล ที่ใครจะเอามาให้เราฟรีๆ ก็ไม่มีอีก ...จำเป็นต้องทำเองทั้งหมด และต้องทำเยอะๆ ด้วย
ขออนุโมทนา ในจิตที่เป็นไปในกุศลครับ
จากความเห็นที่ ๓
อยากจะเลิกทำมาหากิน ยังเลิกไม่ได้เลยครับ ขออนุโมทนาครับ
ธรรม นั้นลึกซึ้ง เข้าใจได้ยาก ละเอียดเกินกว่าจะเข้าใจได้ถูกต้องแม้ฟังพระธรรม
เมื่อฟังว่า ทาน ศีล ภาวนา เท่านั้นเป็นกุศล นอกนั้นเป็นอกุศล ก็คิดอยากจะเลิกทำมาหากินซะแล้ว
ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ
โลภะมาทางอากาศ ไม่ทันรู้ตัวครับ เป็นโลภะที่อยากละอกุศล (อยากเลิกทำมาหากิน) ก็เป็นอกุศลครับ ต้องด้วยปัญญาเท่านั้น ที่จะละอกุศลได้ ปัญญาขั้นฟังละอกุศลไม่ได้ครับ ดังนั้นเพียงรู้ว่า ขณะอื่นเป็นอกุศลหมด เว้นขณะ ทาน ศีล ภาวนา เท่านี้ แล้วจะไม่อยากทำอะไรเลย ไม่ใช่นะครับ แต่ให้รู้ว่า ขณะ อกุศลเกิด ก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ขณะที่กุศลเกิด (ทาน ศีล ภาวนา) ก็ไม่ใช่เรา ก่อนครับ จึงจะละอกุศล และ เจริญกุศลได้ครับ (ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา)
ธรรม ละเอียดและลึกซึ้ง เข้าใจยาก ค่อยๆ ฟังต่อไปๆ และควรรู้ว่า ยังเข้าใจน้อยและไม่ลึกซึ้งครับ ถ้าเข้าใจจริงๆ แม้ ธรรมะเพียงคำเดียว บุคคลสมัยพุทธกาลก็บรรลุได้ครับ
ขออนุโมทนา