การเจริญเมตตา [วิสุทธิมรรคแปล]
วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 157
เพราะเหตุนั้น พระโยคาวจรจึงควรเจริญเมตตาให้ตนเป็นปฐม เพื่อเป็นพยาน แล้วในลำดับนั้นเพื่อยังเมตตาภาวนาให้เป็นไปโดยสะดวก ท่านผู้ใดเป็นที่รักที่เจริญใจ เป็นที่เคารพที่เชิดชู เป็นอาจารย์หรืออาจริยมัต (ภิกษุขนาดอาจารย์) เป็นอุปัชฌายหรืออุปัชฌายมัต (ภิกษุขนาดอุปัชฌาย) ของเธอ พึงระลึกถึงเหตุแห่งความเป็นที่รักที่เจริญใจ มีการให้ปัน และการพูดไพเราะเป็นต้น และเหตุแห่งความเป็นที่เคารพและเชิดชู มีศีลและสุตะเป็นอาทิแห่งท่านผู้นั้นแล้วเจริญเมตตาไปโดยนัยว่า 'ขอท่านสัตบุรุษนั่นจงเป็นผู้ถึงซึ่งความสุข ไม่มีความทุกข์เถิด' ดังนี้เป็นต้น ก็แล (เมื่อเจริญไป) ในบุคคลเห็นปานนั้น อัปปนาย่อมจะสำเร็จเป็นแท้ แต่ (โยคาวจร) ภิกษุนี้ เป็นผู้ไม่ถึงซึ่งความพอใจด้วยความสำเร็จแต่เพียงนั้น ใคร่จะทำสีมสัมเภท (การรวมแดน) ต่อไป จึงในลำดับนั้น พึงเจริญเมตตาไปในบุคคลผู้เป็นสหายรักกันมาก ต่อบุคคลผู้เป็นสหายรักกันมาก พึงเจริญไปในบุคคลที่กลางๆ กัน ต่อบุคคลที่กลางๆ กัน พึงเจริญไปในบุคคลที่เป็นศัตรูกัน และเมื่อเจริญไป พึงนำจิตให้อ่อน ควรแก่การในแต่ละส่วน นำ (ภาวนาจิต) ไปในลำดับๆ กัน (ให้ได้) ส่วนว่าโยคาวจรภิกษุใด บุคคลที่เป็น ศัตรูกันไม่มีก็ดี แม้เมื่อผู้อื่นทำอนัตถะให้ ความรู้สึกว่าเป็นศัตรูก็ไม่เกิดขึ้น เพราะความที่เธอเป็นคนจำพวกมหาบุรุษก็ดี โยคาวจรภิกษุผู้นั้นไม่ต้องทำความขวนขวายว่า 'เมตตาจิตของเรา ในคนที่กลางๆ กัน เกิดเป็นจิตควรแก่การแล้ว บัดนี้เราจะนำเมตตาจิตนั้นเข้าไปในคนเป็นศัตรูกัน (ต่อไป) ' ดังนี้เลย ส่วนคำที่ว่าให้เจริญเมตตาในบุคคลผู้เป็นศัตรูกัน ต่อจากคนกลางๆ กันนั้น ข้าพเจ้ากล่าวหมายเอาผู้ที่มี (คนเป็นศัตรูกัน) ดอก ฯลฯ