อินเดีย ... อีกแล้ว 23 วัดชีวกัมพวัน
วัดชีวกัมพวัน
เมื่อลงจากคิชฌกูฏแล้ว รถก็พาไปรับประทานกลางวัน ที่โรงแรม Rajgir Residency Hotel ก่อนถึงโรงแรม ผ่านวัดชีวกัมพวัน ซึ่งหมอชีวกโกมารภัจจ์สร้างในสวนมะม่วง ของตนถวายแด่พระผู้มีพระภาคเป็นอารามหลวง เพราะหลังจากที่รักษาพระวรกายของ พระผู้มีพระภาคที่หมักหมมด้วยโรคให้หายแล้ว ได้ถวายผ้าเนื้อดีจากแคว้นสีพี เมื่อเวลา พระผู้มีพระภาคกล่าวอนุโมทนากถาจบ ท่านก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านมีศรัทธามาก ต้องการจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาควันละ ๒ – ๓ ครั้ง แต่พระเวฬุวันและเขาคิชฌกูฏก็ ไกลเกินไป จึงสร้างวัดนี้ขึ้น บางทีก็เรียกว่า ชีวการาม เป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรก ในพระพุทธศาสนาด้วย
หมอชีวกเป็นบุตรของหญิงงามเมือง เมื่อคลอดแล้วถูกนำมาทิ้งไว้ที่กองขยะ เจ้า ชายอภัยราชกุมารซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเก็บไปเลี้ยง และเมื่อท่านทราบ ความจริง ก็คิดว่า การอยู่ในราชสำนักต้องมีวิชาความรู้ จึงขอไปเรียนวิชาแพทย์ที่ สำนักตักศิลา ท่านสำเร็จการศึกษาด้วยการค้นพบว่า ไม่มีต้นไม้ใดไม่เป็นยาเลย เมื่อท่านได้เงินค่ารักษาจากคนไข้รายแรก ท่านก็นำเงินทั้งหมดที่ได้ไปถวายเจ้า ชายอภัยเพื่อตอบแทนที่เลี้ยงดูท่านมา แต่เจ้าชายอภัยไม่รับและให้ท่านนำเงินนั้นไป สร้างบ้านในพระราชวังของเจ้าชายอภัย
หมอชีวกมีความสามารถมากถึงขนาดเปิดกระโหลกศีรษะเพื่อรักษาโรคได้ ผ่าตัดเนื้อ งอกในลำไส้ และโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่หมอคนอื่นรักษาไม่หาย ท่านก็สามารถรักษาให้หาย ได้ เมื่อท่านรักษาโรคริดสีดวงให้พระเจ้าพิมพิสารหายแล้ว ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นแพทย์ ประจำราชสำนัก และแพทย์ประจำพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์
(ภาพจากวิกิพีเดีย)
หมอชีวกมีบทบาทสำคัญในทางพระพุทธศาสนามาก ท่านเป็นคนทูลขอพรจากพระผู้ มีพระภาคให้ถวายคหบดีจีวรได้ ให้สร้างที่จงกรมและเรือนไฟเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นที่ บริหารกายของภิกษุ ห้ามไม่ให้คนที่เป็นโรคติดต่อ ๕ อย่าง ได้แก่ โรคเรื้อน ๑ โรคฝี ๑ โรคกลาก ๑ โรคมองคร่อ ๑ โรคลมบ้าหมู ๑ มาบวชเป็นพระ เพราะสมัยนั้นเกิดโรค ระบาดหลายโรคในแคว้นมคธ คนที่เป็นโรคเข้ามาบวชเพื่อจะได้รับการรักษาเป็น จำนวนมาก และหมอชีวกยังถามถึงเรื่องเนื้อที่ไม่ควรบริโภค คือ เนื้อที่ตนเห็น เนื้อที่ ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ
เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงห้อพระโลหิตที่พระบาทจากการที่ท่านพระเทวทัตกลิ้งหินลง มาเพื่อปลงพระชนม์ หมอชีวกก็ทำการรักษา และที่วัดชีวกัมพวันนี้เป็นสถานที่หมอชีวกพาพระเจ้าอชาตศัตรูเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม พระเจ้าอชาตศัตรูขอถึงความเป็นอุบาสก แต่ไม่ สามารถบรรลุธรรมใดๆ ได้ ทั้งๆ ที่สามารถจะบรรลุได้เมื่อฟังพระธรรมเทศนาจบลง แต่ เพราะท่านทำปิตุฆาต คือ ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้มีคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคล และเป็นพระราชบิดาของพระองค์ จึงปิดกั้นการบรรลุมรรคผลทั้งหมด
ในกาลต่อมา หมอชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดาอุบาสกผู้เลื่อมใส ในบุคคล จะเห็นว่าไม่ใช่เมื่อบรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคลแล้ว จะต้องอยู่ในวัดทุกคน เมื่อดิฉันเริ่มศึกษาพระธรรม คิดว่าตนเองมีศรัทธามากตั้งใจลาออกจากงานที่ทำ เพื่อ ศึกษาพระธรรมอย่างเดียว เมื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะยังเป็น ปุถุชน ต้องมีอาชีพการงานเพื่อเลี้ยงชีวิต หรือถ้ามีเงินมากมายแล้ว ก็ยังมีสังคมที่ต้อง เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่การศึกษาพระธรรมเท่านั้น และถ้ามีความเข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้นไปอีก ก็จะเห็นว่า พระธรรมนั้นอยู่ในชีวิตประจำวัน ตลอดเวลา ทุกขณะ จะทำอาชีพอะไร หรือ อยู่สถานะไหน ก็มีพระธรรมที่จะให้ศึกษาได้ตลอดเวลา และเมื่อเข้าใจว่าขณะใดเป็น กุศล ขณะใดเป็นอกุศล ก็จะละอกุศล และจะเจริญกุศลยิ่งขึ้น เมื่อเป็นกุศลจะ ประกอบอาชีพอะไรก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับตนเองและคนอื่น อย่างท่านหมอชีวก ท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านก็ยังรักษาคนไข้ด้วยกุศลจิต นำความรู้ความสามารถมาทำ กุศลช่วยคนได้มากมาย
ขอเรียนถามค่ะ
โรคติดต่อ 5 อย่างที่ได้กล่าวมานั้น อยากเรียนถามว่า โรคมองคร่อ คือโรคอะไรคะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ